คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดเช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8226/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องความผิดเช็คต้องแสดงเจตนาและหนี้ที่มีอยู่จริง มิเช่นนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 โดยบรรยายไว้เพียงว่า "โดยมีจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้อันสามารถบังคับได้ตามกฎหมายให้แก่โจทก์ ฯลฯ" ซึ่งขาดองค์ประกอบคำว่า "ที่มีอยู่จริง" ดังนั้น แม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์อันมีลักษณะบังคับได้หรืออันสามารถบังคับได้ตามกฎหมายก็ตาม แต่หากไม่มีหนี้ที่มีอยู่จริง การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดเมื่อฟ้องโจทก์บรรยายองค์ประกอบแห่งความผิดดังกล่าวขาดไป กรณีจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพและมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกา แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาชอบที่จะหยิบยกขึ้นพิจารณา และพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3546/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดเช็ค: การบรรยายหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายในคำฟ้อง
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 การออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายด้วย หนี้ตามเช็คจะมีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด แม้ว่าจำเลยจะสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แก่ผู้ถือก็ตาม โจทก์ก็จะต้องบรรยายว่าจำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายด้วย เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงจึงขาดองค์ประกอบของความผิดตามมาตรานี้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาเช็ค: การบรรยายฟ้องต้องระบุมูลหนี้ที่ชัดเจน เพื่อยืนยันเจตนาชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ที่ว่า เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายนั้น เป็นองค์ประกอบความผิดแม้บทกฎหมายดังกล่าวมิได้บังคับว่าโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้ครบถ้วนตามองค์ประกอบความผิด แต่ฟ้องก็ต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คเพียงว่า เป็นเช็คเพื่อชำระหนี้โดยไม่ได้บรรยายถึงมูลหนี้ที่ออกเช็ค จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 ฟ้องดังกล่าวไม่สมบูรณ์ แม้โจทก์แนบสำเนาเช็คและใบคืนเช็คมาพร้อมกับคำฟ้องหาพอเป็นการยืนยันว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ที่ มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายไม่ฟังได้เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์โจทก์ยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงิน และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: หนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มี พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ใช้บังคับซึ่งมีผลให้ยกเลิก พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 และใน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 บัญญัติว่า "ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้(1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ"เมื่อจำเลยออกเช็คชำระหนี้กู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปโดยมิได้มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ จึงเป็นหนี้ที่ไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ไม่จำต้องวินิจฉัยว่า การที่ศาลอุทธรณ์จำหน่ายคดีเพราะจำเลยนำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง ทำให้หนี้ที่ผู้กระทำผิดตามมาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 7 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: หนี้นอกเหนือหลักฐานหนังสือ ไม่อาจฟ้องร้องตามกฎหมายเช็คฉบับใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด แต่ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกากฎหมายฉบับที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้ถูกยกเลิกไปแล้วมีกฎหมายฉบับใหม่คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ออกมาใช้บังคับแทน ปรากฏว่ากฎหมายฉบับใหม่ที่ออกภายหลัง การออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย คดีนี้โจทก์นำสืบว่า จำเลยออกเช็คตามฟ้องให้แก่ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปโดยมิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมกันไว้ เมื่อหนี้เงินกู้ยืมระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยมีจำนวนเกินกว่าห้าสิบบาทและไม่มีการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินไว้เป็นหนังสือ จึงเป็นหนี้ที่ต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ฟ้องร้องขอให้บังคับคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534มาตรา 4 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในภายหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5855/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: รอการลงโทษเมื่อจำเลยรับสารภาพ ชำระหนี้บางส่วน และโจทก์บังคับคดีทางแพ่งได้
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 แม้กฎหมายกำหนดโทษจำคุกไว้ แต่เป็นความผิดอันเกิดจากความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ต้นทั้งโจทก์ได้รับชำระหนี้บางส่วนเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของหนี้สินทั้งหมด สำหรับหนี้ส่วนที่ค้างชำระโจทก์ก็อาจบังคับเอากับจำเลยในทางแพ่งได้อีกเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จึงสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมในความผิดเช็ค: ผู้สลักหลังเช็คก็มีความผิดได้หากมีเจตนาออกเช็คเพื่อชำระหนี้
พ.ร.บ.เป็นกฎหมายในส่วนอาญาซึ่ง ป.อ.มาตรา 17 บัญญัติว่า บทบัญญัติในภาค 2 แห่ง ป.อ. ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา 3 จึงมิได้มีความหมายเฉพาะผู้ออกเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดยเป็นตัวการร่วมกันตาม ป.อ. มาตรา 83 ได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3เพื่อชำระหนี้ในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรแม้จำเลยที่ 4 จะเป็นผู้สลักหลังเช็คมิใช่ผู้สั่งจ่ายเช็ค แต่ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 4 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ออกเช็คของบริษัทจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้นั้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 4 จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2282/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค การกำหนดวันเกิดความผิด และความสมบูรณ์ของคำฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) และอายุความ
ปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความเป็นปัญหาเกี่ยวกับความถูกต้องสมบูรณ์ของคำฟ้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158(5) และอายุความเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง จึงเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ดังนี้ แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรรับวินิจฉัยให้ ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค หาใช่เกิดในวันที่จำเลยเขียนเช็คพิพาทมอบให้แก่โจทก์ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็คหลายกรรม, การลงโทษ, และการเข้ามาในคดีของจำเลย
โจทก์ได้ บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยออกเช็ค 2 ฉบับ เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามเช็คแต่ละฉบับ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ตามป.อ. มาตรา 91 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ก็จะถือว่าศาลลงโทษเกินคำขอหาได้ไม่ ป.วิ.อ. มาตรา 158(6เพียงแต่ บัญญัติให้โจทก์อ้างมาตราในกฎหมายซึ่ง บัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดเท่านั้น โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการร่วมกันออกเช็ค อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยที่ 1 โดย ธ. และ ร. กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ ตั้งทนายความก่อนมีการไต่สวนมูลฟ้อง ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้ามาในคดีนี้แล้วนับตั้งแต่ วันที่ตั้ง ทนายความ เมื่อจำเลยที่ 3ในนามของจำเลยที่ 1 และในฐานะ ส่วนตัวให้การรับสารภาพโดยจำเลยที่ 3 กับทนายจำเลยผู้นั้นลงลายมือชื่อท้ายคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณา การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2956/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: กรรมการบริษัทประทับตราและส่งมอบเช็ค แม้ไม่ได้ลงชื่อสั่งจ่าย ก็มีมูลความผิดได้
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่า ผู้กระทำผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น บุคคลอื่นก็อาจร่วมกระทำเป็นตัวการด้วยก็ได้จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ย่อมต้องทราบฐานะการเงินของบริษัท แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ลงชื่อสั่งจ่ายเช็ค แต่จำเลยที่ 4 ก็เป็นผู้ประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 1 ในเช็คและเป็นผู้ส่งมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว.
of 3