พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีเก่าเมื่อจำเลยกระทำความผิดใหม่ภายในกำหนดรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58
เมื่อจำเลยให้การรับว่าเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี 2 เดือน โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีและภายในเวลา 5 ปี จำเลยได้มา กระทำผิดคดีนี้อีก ฉะนั้นแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้อง และมิได้ขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าว เข้ากับคดีนี้มาท้ายฟ้องแต่ก็เป็นกรณีที่ความปรากฏ แก่ศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคหนึ่งที่แก้ไขแล้วโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 ศาลจึงต้องนำโทษที่ รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4820/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน: การกระทำเดิมย่อมระงับการฟ้อง ส่วนการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใหม่เป็นความผิดใหม่
ความผิดฐานบุกรุกและความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทนั้น ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีเสร็จเด็ด ขาดไปแล้วในคดีก่อน เมื่อที่ดินสาธารณประโยชน์ที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งจำเลยได้เข้ายึดถือและครอบครองที่ดินดังกล่าวตลอดมา ตั้งแต่ก่อนถูกฟ้องคดีก่อนและยังไม่ได้ออกไปจำเลยไม่ได้กระทำการอันใดขึ้นใหม่ แม้วันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้จะเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยทราบแล้วว่าที่ดินที่จำเลยยึดถือและครอบครองอยู่เป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันก็ตาม เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยในการกระทำเดิม ซึ่งมีคำพิพากษาเสร็จเด็ด ขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(4) ส่วนข้อหาฐานขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานนั้น เห็นว่า แม้คำสั่งของนายอำเภอที่สั่งให้จำเลยเลิกการบุกรุกที่ดินที่พิพาทจะเป็นคำสั่งเรื่องเดียวกันกับคำสั่งฉบับแรกก็ตาม แต่เป็นคำสั่งฉบับใหม่ซึ่งได้มีคำสั่งหลังจากศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าที่พิพาทเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใหม่นี้อีก การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดใหม่ ฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361-1363/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คหลังประนีประนอมยอมความ: ความผิดใหม่เกิดขึ้นเมื่อเช็คใหม่ถูกปฏิเสธ
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ระหว่างออกหมายจับจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้โดยชำระเงินสดส่วนหนึ่ง และสั่งจ่ายเช็คชำระส่วนหนึ่ง โจทก์จึงถอนฟ้อง ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะคดีเดิมเท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่ออกใหม่วันใด ก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในเช็คดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การนำความผิดเดิมที่ศาลทหารตัดสินแล้วมาเป็นองค์ความผิดในคดีอาญาใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องยังศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ต่อมาอัยการยังฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายอีก โดยเอาการทำร้ายร่างกายครั้งเดียวกันนั่นเองมาเป็นองค์ความผิดของคดีหลังนี้ด้วยดังนี้ ต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกเพื่อการกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ต้องเป็นโทษจำคุกที่ได้รับมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งเป็นการกระทำความผิดใหม่
ปัญหาว่าโทษครั้งก่อนที่จำเลยกระทำผิดมาจะเข้าเกณฑ์ที่ศาลจะใช้ดุลยพินิจวางโทษจำเลยฐานมีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 หรือไม่นั้น ถือว่าเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ฎีกาได้
ตาม พ.ร.บ.กักกัน ฯ พ.ศ.2479 ม.8 ว่า บุคคลที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายจะต้องเป็นบุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ๆ คำว่า "ครั้ง " ตามมาตรานี้หมายความว่าเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วซึ่งเรียกได้ว่าครั้งที่ 1 ยังขืนไปกระทำความผิดขึ้นใหม่และเมื่อศาลพิพากษาลงโทษสำหรับความผิดครั้งใหม่นี้จึงเป็นครั้งที่ 2 หาใช่เรื่องบุคคลที่จะทำความผิดมาแล้วหลายเรื่องหรือกระทำความผิดหลายกะทงและถูกแยกฟ้องเป็นหลายสำนวนไม่ ในกรณีเช่นนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษตาม+เรียกได้ว่ากระทำความผิดเพียงครั้งเดียวเพราะยังมิได้กระทำความผิดอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลมาแล้วจะเอาโทษสำหรับความผิดในเรื่องก่อน ๆ มาวินิจฉัยเป็นหลายครั้งไม่ได้
ตาม พ.ร.บ.กักกัน ฯ พ.ศ.2479 ม.8 ว่า บุคคลที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายจะต้องเป็นบุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ๆ คำว่า "ครั้ง " ตามมาตรานี้หมายความว่าเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วซึ่งเรียกได้ว่าครั้งที่ 1 ยังขืนไปกระทำความผิดขึ้นใหม่และเมื่อศาลพิพากษาลงโทษสำหรับความผิดครั้งใหม่นี้จึงเป็นครั้งที่ 2 หาใช่เรื่องบุคคลที่จะทำความผิดมาแล้วหลายเรื่องหรือกระทำความผิดหลายกะทงและถูกแยกฟ้องเป็นหลายสำนวนไม่ ในกรณีเช่นนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษตาม+เรียกได้ว่ากระทำความผิดเพียงครั้งเดียวเพราะยังมิได้กระทำความผิดอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลมาแล้วจะเอาโทษสำหรับความผิดในเรื่องก่อน ๆ มาวินิจฉัยเป็นหลายครั้งไม่ได้