พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวชั่วคราว: ความรับผิดทางแพ่งยังคงมีผลใช้บังคับ แม้ผู้ต้องหาได้รับนิรโทษกรรม
จำเลยทำสัญญาขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนกับโจทก์ ถ้าผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ ยอมใช้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง ต่อมาจำเลยส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ โจทก์ถือว่าจำเลยผิดสัญญาสั่งปรับตามสัญญา ถึงแม้ต่อมาจะมีพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผู้ต้องหาพ้นความรับผิดโดยสิ้นเชิง และพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้วก็ตาม ก็ย่อมไม่กระทบถึงสัญญาประกันระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นความรับผิดส่วนแพ่ง สัญญาประกันย่อมมีผลใช้บังคับไม่ถือว่าเป็นการชำระหนี้ที่พ้นวิสัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยกับการนิรโทษกรรม: สัญญาแพ่งยังใช้บังคับแม้ผู้ต้องหาพ้นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญาขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนกับโจทก์ ถ้าผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ ยอมใช้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง ต่อมาจำเลยส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ โจทก์ถือว่าจำเลยผิดสัญญาสั่งปรับตามสัญญา ถึงแม้ต่อมาจะมีพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผู้ต้องหาพ้นความรับผิดโดยสิ้นเชิง และพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้วก็ตาม ก็ย่อมไม่กระทบถึงสัญญาประกันระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นความรับผิดส่วนแพ่ง สัญญาประกันย่อมมีผลใช้บังคับไม่ถือว่าเป็นการชำระหนี้ที่พ้นวิสัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากการยักยอกทรัพย์ แม้คดีอาญาจะยอมความได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่า จำเลยยักยอกเงินขอให้ลงโทษและให้จำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ไปขายเสีย แล้วเบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกที่ขายได้เป็นของจำเลย เป็นความผิดฐานยักยอก แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาเลิกคดีอาญาต่อกัน ได้ชื่อว่ายอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิฟ้องคดีอาญาจึงระงับไปพิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญาแต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่อุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีอาญาเป็นอันถึงที่สุดแล้ว ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญาได้ความว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้แล้วนำไปขายแก่บุคคลอื่น เบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกไว้ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินค่าข้าวเปลือกนั้นให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็คในคดีล้มละลาย: การฟ้องคดีอาญาไม่สะดุดอายุความแพ่ง
การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามเช็คในคดีล้มละลาย (หรือการฟ้องเรียกเงินตามเช็คเป็นคดีแพ่ง) ไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดอาญาฐานออกเช็คนั้นโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฉะนั้น การฟ้องคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ทำให้อายุความของคดีแพ่งนั้นสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 ดังนั้น เมื่อเช็คที่นำมาขอรับชำระหนี้มีอายุเกิน 1 ปี นับจากวันสั่งจ่ายจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในคดีแพ่งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผลผูกพันจากคำพิพากษาคดีอาญา และหน้าที่การนำสืบของโจทก์
ล. กับ ศ. ขับรถกระแทกกันเป็นเหตุให้ ม. ตกจากรถถึงแก่ความตายอัยการได้ฟ้อง ล. เป็นคดีอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย โดยระบุในฟ้องและนำสืบว่า ล. กับ ศ. ต่างขับรถสวนกันด้วยความประมาทจึงเกิดเหตุ และศาลก็ได้อาศัยข้อเท็จจริงนั้นพิพากษาว่า ล.มีความผิด ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า ศาลมิได้ชี้ขาดว่าล. กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียว และเมื่ออัยการโจทก์เป็นผู้ดำเนินคดีอาญานั้นแทนบิดาของ ม. ผู้ตาย ต่อมาเมื่อบิดาของผู้ตายมาฟ้อง ล. กับนายจ้างเป็นคดีแพ่งเรียกร้องให้ใช้ค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะ ข้อเท็จจริงที่ว่า ล. มิได้กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียวนั้น ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ในคดีแพ่งนี้ด้วย ส่วนนายจ้างของ ล. นั้น ถ้าให้การปฏิเสธว่า ล. จำเลยมิได้ประมาท โจทก์จะต้องนำสืบด้วยว่า ล. ได้ขับรถโดยประมาท เพราะข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาและแพ่งของจำเลยที่ 3 ที่ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และ 2 แม้ผู้เสียหายมิได้อุทธรณ์
แม้ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นคำขอในส่วนคดีแพ่ง มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนความรับผิดของจำเลยที่ 3 ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ต้องวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อผู้ร้องทั้งสองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ด้วย ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225