พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ และดุลพินิจการนับโทษต่อของศาล
บทบัญญัติมาตรา 17 สัตตแห่งพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2495 ไม่ใช่เรื่องนิรโทษรกรรมแต่เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้กระทำความผิดได้รับการยกเว้นไม่ให้ถูกฟ้องสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เท่านั้น จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับยกเว้นมิให้ฟ้อง
ปัญหาว่าจำเลยได้รับนิรโทษกรรม และนับโทษต่อไม่ได้นั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยได้
การจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีอื่นหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล แม้คดอื่นและคดีนี้ศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน ศาลใช้ดุลพินิจให้นับโทษต่อได้
ปัญหาว่าจำเลยได้รับนิรโทษกรรม และนับโทษต่อไม่ได้นั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยได้
การจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีอื่นหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล แม้คดอื่นและคดีนี้ศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน ศาลใช้ดุลพินิจให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษและการยกเว้นการฟ้องคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ และดุลพินิจศาลในการนับโทษ
ปัญหาว่าจำเลยได้รับนิรโทษกรรม และนับโทษต่อไม่ได้นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยได้
พระราชบัญญติป้องกัรการกระทำอันเป็นคิมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 มาตรา 17สัตต ไม่ใช่นิรโทษกรรมแต่เป็นเรื่องที่ผู้กระทำความผิดได้รับยกเว้นไม่ต้องถูกฟ้องในความผิดที่ต้องหาและต้องเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ
การที่ศาลจะนับโทษจำเลยในคดีหลังต่อจากโทษในคดีอื่นหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล ดังนั้น แม้คดีทั้งสองศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ให้นับโทษต่อกันได้.
พระราชบัญญติป้องกัรการกระทำอันเป็นคิมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 มาตรา 17สัตต ไม่ใช่นิรโทษกรรมแต่เป็นเรื่องที่ผู้กระทำความผิดได้รับยกเว้นไม่ต้องถูกฟ้องในความผิดที่ต้องหาและต้องเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ
การที่ศาลจะนับโทษจำเลยในคดีหลังต่อจากโทษในคดีอื่นหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล ดังนั้น แม้คดีทั้งสองศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ให้นับโทษต่อกันได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตห้ามมิให้เข้าอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ถือเป็นหนังสืออนุญาตที่ไม่ชอบ
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ในเขตพื้นที่บางส่วนของบางจังหวัด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ในเขตจังหวัดพื้นที่นั้น ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495(ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว) เป็นประกาศที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม การที่จำเลยออกหนังสืออนุญาตให้โจทก์เข้าไปทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช อันเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี หนังสืออนุญาตดังกล่าวจึงไม่ชอบจำเลยไม่มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการออกหนังสืออนุญาตนั้นจากโจทก์ จำเลยจึงต้องคืนเงินค่าธรรมเนียมที่ได้เรียกเก็บไว้แล้วแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีความมั่นคงคอมมิวนิสต์อยู่ภายใต้อำนาจศาลทหาร ไม่ใช่ศาลพลเรือน
คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2519ให้คดีข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ไม่ว่าจะมีข้อหาความผิดอื่นด้วยหรือไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งตามคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 14 หมายความถึงศาลทหารในเวลาไม่ปกติตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 จะฟ้องต่อศาลพลเรือนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-327/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในคดีคอมมิวนิสต์: ประกาศ คปค.ฉบับที่ 12 ต้องเป็นไปตามหลัก 'จำเป็น' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 ให้อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในกรณีกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ ได้เท่าที่จำเป็นแก่การสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่ให้ควบคุมโดยไม่มีกำหนด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 วางหลักเป็นประกันเสรีภาพของประชาชนไว้ 2 ตอน ตอนต้นว่า จะควบคุมตัวผู้ต้องหาเกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ ตอนที่สองว่า ความจำเป็นดังกล่าวจะจำเป็นเพียงใดก็ตาม ก็จะควบคุมเกินกว่ากำหนดเวลาดังบัญญัติไว้ไม่ได้
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 เป็นการแก้ไขและขยายระยะเวลาคั่นสูงดังกำหนดไว้ในมาตรา 87 ไม่ได้ยกเลิกหลักใหญ่ของมาตรานี้ที่ให้ ควบคุมผู้ต้องหาได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2505)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 วางหลักเป็นประกันเสรีภาพของประชาชนไว้ 2 ตอน ตอนต้นว่า จะควบคุมตัวผู้ต้องหาเกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ ตอนที่สองว่า ความจำเป็นดังกล่าวจะจำเป็นเพียงใดก็ตาม ก็จะควบคุมเกินกว่ากำหนดเวลาดังบัญญัติไว้ไม่ได้
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 เป็นการแก้ไขและขยายระยะเวลาคั่นสูงดังกำหนดไว้ในมาตรา 87 ไม่ได้ยกเลิกหลักใหญ่ของมาตรานี้ที่ให้ ควบคุมผู้ต้องหาได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีคอมมิวนิสต์ แต่ไม่มีหลักฐานเรื่องอั้งยี่ ศาลยกฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องว่ามีผู้ตั้งสมาคมปกปิดวิธีการ เพื่อการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯลฯ จำเลยรู้แล้วเข้าเป็นสมาชิกและอุดหนุนให้ที่พักอาศัยที่ประชุมชักชวนคนเข้าเป็นสมาชิก ให้เงินเสบียงอาหาร ฯลฯ โดยยืนยันซ้ำว่าเพื่อการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไม่อ้างถึงอั้งยี่เลยแม้จะอ้าง มาตรา180 มาด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องที่จะลงโทษตาม มาตรา180 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์: การพิสูจน์หลักการและเจตนาในการกระทำ
จำเลยมีจดหมายถึงบุคคลผู้หนึ่งขู่ให้เข้าเป็นสมาชิกสมาคมที่จำเลยตั้งขึ้นอันมีหลกการว่าชักชวนให้ประชาชนหรือรัฐทำการล้มล้างระบอบการปกครองแห่งสยามปัจจุบัน ดังนี้จำเลยยังไม่มีผิดตาม ม.104 แห่งกฎหมายอาญา เพราะจำเลยมิได้กระทำการให้ปรากฎแก่คนทั้งหลาย,
ลัทธิคอมมิวนิสม์ตามหลักการของเลนินเป็นประการใดนั้นเป็นข้อที่โจทก์จะต้องนำสืบ เพียงแต่จำเลยเขียนจดหมายกล่าวว่าสมาคมนี้ทำการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสม์ตามหลักการของเลนินเท่านั้น ยังไม่พอที่ถือว่าลัทธิที่จำเลยกล่าวถึงเป็นลัทธิคอมมิวนิสม์ตามวิเคราะห์ศัพท์แห่งพ.ร.บ. ข้างต้น
ลัทธิคอมมิวนิสม์ตามหลักการของเลนินเป็นประการใดนั้นเป็นข้อที่โจทก์จะต้องนำสืบ เพียงแต่จำเลยเขียนจดหมายกล่าวว่าสมาคมนี้ทำการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสม์ตามหลักการของเลนินเท่านั้น ยังไม่พอที่ถือว่าลัทธิที่จำเลยกล่าวถึงเป็นลัทธิคอมมิวนิสม์ตามวิเคราะห์ศัพท์แห่งพ.ร.บ. ข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-752/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่แนวคิดคอมมิวนิสต์ไม่ถึงขั้นล้มรัฐบาล
การโฆษนาทิ้งใบปลิวคอมมิวนิสม์โดยมีข้อความส่งเสริมลัทธิคอมมิวนิสม์แลชักชวนให้ประชาชนนิยมใน+อย่างลัทธินี้ ยังไม่พอจะถือว่าเป็นแผนการที่จะล่วงล้มรัฐบาล จำเลยมี+เพียง ม.4 ข้อ 1 แห่งกฎหมายอาญาแก้ไข พ.ศ.2470 แล พรบคอมมิวนิสม์ พ.ศ.2476 ม.4