พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ต้องไม่เกินคำขอของโจทก์ และการปรับบทลงโทษตามมาตรา 70
แม้ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองอาคารพิพาทแต่ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำผิดในฐานะผู้ดำเนินการตามความหมายของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ทั้งมิได้อ้างมาตรา 69 ซึ่งเป็นบทลงโทษเฉพาะผู้ดำเนินการมาในคำขอท้ายฟ้อง ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ มาตรา 70 พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ ที่บัญญัติว่า "ถ้า การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ เป็นการกระทำอันเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม...ต้องระวางโทษ..." หมายรวมความผิดทุกอย่างที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ หากมีลักษณะต้องตามที่บัญญัติไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ลงโทษตามมาตรานี้ได้หาจำต้องเป็นความผิดที่เกี่ยวกับตัวอาคารโดยตรงไม่ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 44 ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 67 และอาคารที่จำเลยกระทำผิดเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรม ศาลจึงนำมาตรา 70 มาปรับบทลงโทษแก่จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องเป็นไปตามคำขอของโจทก์ หากเกินคำขอถือเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยต่อสู้ ขัดขวางเจ้าพนักงานโดย ใช้อาวุธปืน และข้อเท็จจริงฟังได้ดัง ฟ้อง แต่โจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ มิได้อ้างมาตรา ๑๔๐ จึงลงโทษตามมาตรา ๑๔๐ ไม่ได้ เพราะโทษตาม มาตรา ๑๔๐ สูงกว่ามาตรา ๑๓๘ย่อมเป็นการเกินคำขอ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518-3522/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการหักวันคุมขังก่อนพิพากษา: ไม่จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจ ของศาล ตามป.อ. มาตรา 22 วรรคแรก ทั้งมิใช่กรณีที่หากโจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมาศาลก็วินิจฉัยให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่สาธารณะ และขอบเขตคำขอของโจทก์
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108ทวิ ศาลจะมีอำนาจสั่งให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้ ก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเข้าครอบครองปลูกสร้างโรงรถลงในที่พิพาทซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ราษฎรใช้ร่วมกัน โดยเข้าใจว่าเป็นที่ของบิดามารดาจำเลยไม่มีความผิดอาญา ดังนี้ กรณีย่อมไม่ต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงจะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนโรงรถออกจากที่พิพาทมิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งริบโรงรถที่จำเลยปลูกสร้างลงในที่พิพาทศาลย่อมไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยรื้อถอนโรงรถออกไปจากที่พิพาทเพราะเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งริบโรงรถที่จำเลยปลูกสร้างลงในที่พิพาทศาลย่อมไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยรื้อถอนโรงรถออกไปจากที่พิพาทเพราะเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งริบของกลางต้องเป็นไปตามคำขอของโจทก์ การพิพากษาเกินคำขอเป็นเหตุให้ต้องแก้ไข
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความชัดว่าจำเลยได้ใช้รถไถ 3 คันของกลางในการกระทำผิด อันอยู่ในข่ายควรริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 หรือต้องริบเสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 35 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้ขอให้ริบของกลางรายนี้ ศาลจะสั่งริบไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์สินหาย vs. ลักทรัพย์: ศาลต้องลงโทษตามคำขอของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันลักเรือ (สองลำ)ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเก็บเรือซึ่งหลุดลอยอยู่ในแม่น้ำแล้วนำไปซุกซ่อนเบียดบังเอาเป็นของตน อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยนอกคำขอของโจทก์ในคดีสุรากลั่นผิดกฎหมาย ศาลต้องพิจารณาเฉพาะสุราที่มีอยู่ในไห
ได้ความว่าน้ำสุราในไหของกลางที่จับได้จากจำเลยได้หกออกจากไหไปหมดแล้ว ส่วนที่อยู่ในไหของกลางที่โจทก์นำมาฟ้องมิใช่น้ำสุราที่จับได้จากจำเลยเป็นน้ำสุราที่นำมาใส่ไว้ในไหภายหลัง โดยจะเป็นของใครไม่ปรากฏ เมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยมีน้ำสุราที่มีอยู่ในไหโดยมิได้ประสงค์ฟ้องน้ำสุราที่หกออกจากไหไปหมดแล้ว เมื่อศาลฟังว่าน้ำสุราในไหมิใช่เป็นของจำเลยก็ต้องยกฟ้องโจทก์ เพราะจะลงโทษจำเลยฐานมีน้ำสุราที่หกออกจากไหไปหมดแล้วซึ่งอยู่นอกข่ายคำขอของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานสมรู้ร่วมคิดปล้นทรัพย์ ศาลยึดตามคำขอโจทก์ แม้ความผิดจริงเป็นตัวการ
วิธีพิจารณาอาญา ศาลย่อมไม่ลงโทษจำเลยเกินคำขอโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเปนผู้สมรู้ในการปล้นทรัพย์ แต่ พิจารณาปรากฏว่าจำเลยเปนตัวการด้วยการลงโทษจำเลยเพียงฐานสมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1857/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ของกลางในคดียาเสพติด: ศาลไม่อาจสั่งริบหากโจทก์มิได้ขอ
แม้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 บัญญัติให้ริบเสียทั้งสิ้นก็ตาม แต่รถจักรยานยนต์ของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 32 ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้มีคำขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ศาลย่อมไม่อาจสั่งริบให้ เพราะจะเป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3715/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีในการเพิกถอนการยึดทรัพย์: ต้องรอคำขอโจทก์หรือคำสั่งศาล
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่มีบทบัญญัติที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์ด้วยตนเอง คงมีแต่เรื่องถอนการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าทรัพย์ที่ยึดมิใช่ทรัพย์ของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องแจ้งไปยังโจทก์ผู้ทำการยึดว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งการถอนการยึดเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการให้ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องแจ้งไปยังศาลเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการยึด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งเพิกถอนการยึดเสียเองจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าทรัพย์ที่ยึดมิใช่ทรัพย์ของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องแจ้งไปยังโจทก์ผู้ทำการยึดว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งการถอนการยึดเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการให้ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องแจ้งไปยังศาลเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการยึด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งเพิกถอนการยึดเสียเองจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย