พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2469/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดี, การห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง, การคำนวณทุนทรัพย์, คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความแถลงร่วมกันว่าที่พิพาทมีราคา 200,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ 200,000 บาทซึ่งโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นจากทุนทรัพย์จำนวนดังกล่าวศาลชั้นต้นจะให้โจทก์หาราคาประเมินที่พิพาทเพื่อคำนวณทุนทรัพย์ของคดีใหม่ในชั้นฎีกาแทนทุนทรัพย์เดิมหาได้ไม่ เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณทุนทรัพย์คดีซื้อขายที่ดิน: ใช้ราคาตกลง ไม่ใช่ราคาประเมิน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินและจดทะเบียนโอนที่ดินคืนแก่โจทก์ จำเลยให้การว่านิติกรรมซื้อขายที่ดินดังกล่าวสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์
การคำนวณทุนทรัพย์ของคดีเพื่อเสียค่าขึ้นศาลนั้น จะต้องคำนวณตามราคาที่ดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นราคาที่ตกลงจะขายให้แก่จำเลย หาใช่คำนวณจากราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินไม่ เพราะการประเมินราคาของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นเพียงเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับใช้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมิใช่ราคาที่ดินที่แท้จริง เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ตกลงขายที่ดินแก่จำเลย 10 ไร่ ไร่ละ 50,000 บาท ขอให้ศาลเพิกถอนและโอนที่ดินกลับเป็นของโจทก์ ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันจึงมีจำนวน 500,000 บาท คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงนครราชสีมาที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษา
การคำนวณทุนทรัพย์ของคดีเพื่อเสียค่าขึ้นศาลนั้น จะต้องคำนวณตามราคาที่ดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นราคาที่ตกลงจะขายให้แก่จำเลย หาใช่คำนวณจากราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินไม่ เพราะการประเมินราคาของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นเพียงเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับใช้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมิใช่ราคาที่ดินที่แท้จริง เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ตกลงขายที่ดินแก่จำเลย 10 ไร่ ไร่ละ 50,000 บาท ขอให้ศาลเพิกถอนและโอนที่ดินกลับเป็นของโจทก์ ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันจึงมีจำนวน 500,000 บาท คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงนครราชสีมาที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษา