พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งอายัดเงินหลังมีคำบังคับคดี และการคุ้มครองประโยชน์เจ้าหนี้จากการหลีกเลี่ยงหนี้
ศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับใน 30 วัน เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2540 จำเลยจึงมีเวลาที่จะปฏิบัติตามคำบังคับเป็นเวลา 45 วัน นับแต่วันที่มีการปิดคำบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้คืนเงินให้จำเลยในวันที่ 9 มิถุนายน 2540 ยังไม่พ้นระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับ อีกทั้งศาลชั้นต้นยังมิได้ออกหมายบังคับคดี คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งเกี่ยวกับคำขออายัดเงินของโจทก์ได้ และก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งดังกล่าวศาลชั้นต้นได้ฟังคำแถลงของโจทก์เกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยที่แสดงว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาด้วยการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่คืนเงินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ผู้ขอเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับตามคำพิพากษา จึงเป็นดุลพินิจ ที่ชอบและถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับคดีตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียน แม้เป็นบ้านร้างก็ชอบแล้ว การยกเหตุใหม่ในฎีกาต้องเคยยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 34/5 ซอยสุวิทย์ 2ถนนเพชรเกษมแขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานครเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใดจึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลย ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลย ณ สถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตาม ก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่า ในการส่งคำบังคับ หมายบังคับคดีและประกาศต่าง ๆ ให้จำเลย เจ้าหนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด จึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้นจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับคดีไปยังภูมิลำเนาตามทะเบียน และการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่34/5ซอยสุวิทย์ 2ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพูล เขตหนองแขม กรุงเทพมหานครเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใดจึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยณสถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตามก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่าในการส่งคำบังคับหมายบังคับคดีและประกาศต่างๆให้จำเลยเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใดจึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้นจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดชั่วคราวแล้วมีคำบังคับคดี เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิเฉลี่ยหนี้ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับจากบุคคลภายนอกเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา และได้มีการส่งเงินมาให้ศาลตามหมายอายัดแล้ว ภายหลังเมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งของศาลที่อายัดเงินชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษายังคงมีผลต่อไป ทั้งโจทก์ได้ดำเนินการขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีแก่จำเลยแล้วโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำต้องดำเนินการขออายัดเงินดังกล่าวในชั้นบังคับคดีซ้ำอีก ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 แล้วดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยอีกคดีหนึ่งและไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยหนี้ในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบังคับคดีไม่ถูกต้องแก้ไขได้ โจทก์มีสิทธิขอออกคำบังคับใหม่ให้ถูกต้องตามคำพิพากษา
คำสั่งศาลเกี่ยวกับการบังคับคดี เช่นการออกคำบังคับ หากออกไปโดยไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาย่อมแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องได้ เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา และการแก้ไขนี้มิใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ออกคำบังคับใหม่ หรือแก้ไขให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำบังคับคดี: ศาลมีอำนาจแก้ไขคำบังคับที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำสั่งศาลเกี่ยวกับการบังคับคดี เช่น การออกคำบังคับหากออกไปไม่ถูกต้อง ย่อมแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องได้ เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาและการแก้ไขนี้เป็นเรื่องแก้ไขคำบังคับ ไม่ใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ออกคำบังคับใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4676/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการออกคำบังคับคดีและการไม่อาจรื้อฟื้นข้อพิพาทที่ตัดสินถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำบังคับได้เองตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 แม้โจทก์มิได้แถลงขอให้ออกคำบังคับ
ในชั้นบังคับคดี จำเลยขอให้งดการบังคับคดี อ้างว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำยึดทรัพย์นั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์จำเลย แต่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้แล้วว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ แม้จำเลยจะอ้างว่า จำเลยค้นหาเอกสารการหักกลบลบหนี้มาเป็นพยานได้คดีก็ไม่อาจรื้อฟื้นปัญหาซึ่งยุติถึงที่สุดแล้วขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก
ในชั้นบังคับคดี จำเลยขอให้งดการบังคับคดี อ้างว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำยึดทรัพย์นั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์จำเลย แต่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้แล้วว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ แม้จำเลยจะอ้างว่า จำเลยค้นหาเอกสารการหักกลบลบหนี้มาเป็นพยานได้คดีก็ไม่อาจรื้อฟื้นปัญหาซึ่งยุติถึงที่สุดแล้วขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4676/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการออกคำบังคับคดีและการยุติปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลฎีกาตัดสินแล้ว
ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำบังคับได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา272แม้โจทก์มิได้แถลงขอให้ออกคำบังคับ ในชั้นบังคับคดีจำเลยขอให้งดการบังคับคดีอ้างว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำยึดทรัพย์นั้นโจทก์จำเลยได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์จำเลยแต่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้แล้วว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้วดังนี้แม้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยค้นหาเอกสารการหักกลบลบหนี้มาเป็นพยานได้คดีก็ไม่อาจรื้อฟื้นปัญหาซึ่งยุติถึงที่สุดแล้วขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องคัดค้านคำบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะ 'บริวาร' และสิทธิในทรัพย์สินหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลออกคำบังคับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของโจทก์เป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีผู้ร้องมีสิทธิร้องต่อศาลได้ตามป.วิ.พ.มาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องคัดค้านคำบังคับคดีของบุคคลที่อ้างว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย และมีสิทธิในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.