พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและผลกระทบต่อสินสมรส: การถือว่าการสมรสยังสมบูรณ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาล
ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับ ร. เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2516 ต่อมาผู้ร้องจดทะเบียนสมรสซ้อนกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2521 และจดทะเบียนหย่าจากกันเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2526 จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติบรรพ 5 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 การสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 จึงตกเป็นโมฆะ แต่เมื่อในระหว่างที่ผู้ร้องจดทะเบียนรับโอนที่ดินพิพาทยังไม่มีผู้มีส่วนได้เสียคนใดร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1495 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้นที่บัญญัติว่า คำพิพากษาศาลเท่านั้นที่จะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าการสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ยังมีผลสมบูรณ์อยู่ ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องได้มาระหว่างสมรสกับ ร. และจำเลยที่ 1 จึงเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบำเหน็จตกทอดของบุตรที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้คำพิพากษาเกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของบิดา
มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ. 2526ต้องตีความว่า บุตรซึ่งได้มีคำพิพากษาของศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับ ย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำเหน็จตกทอดในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับแล้ว โดยที่ก่อนที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับหามีสิทธิเช่นนั้นไม่ ดังนั้นเมื่อโจทก์เรียกร้องบำเหน็จตกทอดจากจำเลยและขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ. 2526ใช้บังคับ และเด็กชาย ธ. บุตรผู้ตายเป็นทายาทผู้มีสิทธิตามมาตรา 4 แล้ว เด็กชาย ธ. จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดกรณีนี้หาใช่เป็นกรณีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับย้อนหลังไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสโมฆะและสถานะบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย: คำพิพากษาศาลเท่านั้นแสดงสถานะโมฆะ
คำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นบุตร ฉ.กับท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
โจทก์เป็นบุตร ฉ.กับท.ระหว่างคนทั้งสองเป็นสามีภริยาโดยมีการจดทะเบียนสมรส โจทก์ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ ฉ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาที่เกิดจากคำพิพากษาศาลก่อนพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.ดังกล่าว
การเช่านาที่เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งกระทำต่อหน้าศาล และศาลได้พิพากษาและออกคำบังคับเสร็จสิ้นไปแล้ว ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ออกใช้บังคับ การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ย่อมไม่ลบล้าง หรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนโอนที่ดินตามคำพิพากษาศาล: ไม่จำเป็นต้องใช้ น.ส.3 ฉบับผู้ถือ หากศาลมีคำสั่งให้ถือคำพิพากษาเป็นเจตนา
ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 72 ที่บัญญัติให้คู่กรณีนำหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น หมายถึงคู่กรณีที่มีความประสงค์จะขอทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยปกติธรรมดา จึงต้องนำหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับผู้ถือมาจดทะเบียน มิใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาชี้ขาดให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของคู่กรณีที่ไม่ยอมมาจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
การที่ศาลพิพากษาให้ บ. โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของ บ. เมื่อโจทก์ยื่นคำขอต่อจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ขอจดทะเบียนที่ดิน โดยถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของ บ. ดังนี้ แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับผู้ถือไปแสดงเพราะบ. ผู้มีชื่อใน น.ส.3 ไม่ยอมมาจดทะเบียนให้ จำเลยก็ชอบที่จะจดทะเบียนให้ตามคำพิพากษานั้น
การที่ศาลพิพากษาให้ บ. โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของ บ. เมื่อโจทก์ยื่นคำขอต่อจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ขอจดทะเบียนที่ดิน โดยถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของ บ. ดังนี้ แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับผู้ถือไปแสดงเพราะบ. ผู้มีชื่อใน น.ส.3 ไม่ยอมมาจดทะเบียนให้ จำเลยก็ชอบที่จะจดทะเบียนให้ตามคำพิพากษานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36-39/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการสำรวจที่ดินจำกัด คดีที่ศาลตัดสินแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินใดแล้ว คณะกรรมการสำรวจตาม พระราชบัญญัติการสำรวจการออกโฉนดที่ดิน ไม่มีอำนาจสั่งยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลได้ เจ้าพนักงานที่ดินในท้องที่นั้นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งตามคำพิพากษาของศาล พระราชบัญญัติสำรวจการออกโฉนดที่ดินไม่กินความถึงคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการสำรวจออกโฉนดที่ดินจำกัดเฉพาะการแก้ไขข้อผิดพลาด ไม่สามารถยกเลิกโฉนดที่ออกตามคำพิพากษาศาลได้
คณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดิน ไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ยกเลิกโฉนดที่เจ้าพนักงานได้ออกให้เนื่องจากคำพิพากษาของศาล เพราะความใน พ.ร.บ.ไม่กินถึงว่าให้อำนาจ เช่นนั้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการสำรวจที่ดิน: ไม่สามารถยกเลิกโฉนดที่ออกตามคำพิพากษาศาลได้
คณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ยกเลิกโฉนดที่เจ้าพนักงานได้ออกให้เนื่องจากคำพิพากษาของศาลเพราะความใน พระราชบัญญัติไม่กินถึงว่าให้อำนาจเช่นนั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)