พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2878/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องมีพยานหลักฐานยืนยันเจตนาใช้กำลังประทุษร้าย ไม่สามารถรับฟังจากคำรับของจำเลยได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำและใช้อาวุธมีดปลายแหลมขู่เข็ญ ผู้เสียหายว่าทันใดนั้นจะใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายหากผู้เสียหายขัดขืน แสดงว่าจำเลยมีอาวุธมีดและยังไม่ได้แทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ดังนั้น ที่ผู้เสียหายเบิกความว่า ถูกของแหลมยาวประมาณ 6 ถึง 7 นิ้ว ไม่ทราบว่าเป็นวัตถุชนิดใด ทิ่มแทงที่ชายโครง 2 ครั้ง โดยไม่ปรากฏบาดแผลและอาวุธที่ใช้ทิ่มแทงเป็นของกลาง จึงรับฟังไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริง รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย ลำพังแต่คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ย่อมไม่อาจนำมารับฟังลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ได้ ส่วนที่จำเลยเบิกความรับว่าจำเลยได้หยิบไม้กวาดขึ้นมาถือไว้ ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าเข้าใกล้จำเลย เท่ากับเป็นการขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายก็ตาม แต่ข้อเท็จจริง ที่จะรับฟังลงโทษจำเลยต้องได้มาจากพยานหลักฐานของโจทก์ คำเบิกความของจำเลยมิใช่พยานหลักฐานของโจทก์ จะนำมารับฟังเพื่อลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังคำรับของจำเลยเป็นหลักฐาน แม้โจทก์มิได้เสียค่าอ้างเอกสาร
โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาภาพถ่ายเช็คพิพาทกับใบคืนเช็คมาท้ายฟ้อง จำเลยให้การและนำสืบยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารได้ปฏเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ แม้โจทก์ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสาร เช็คและใบคืนเช็คพิพาทศาลก็พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2317/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบมูลหนี้เดิมและการแปลงหนี้ใหม่ โดยไม่ขัดต่อคำฟ้อง และการรับฟังพยานหลักฐานจากคำรับของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์และได้รับเงินกู้ไปแล้ว การที่โจทก์นำสืบว่าเดิมสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไป จำเลยรู้เห็นด้วย เมื่อสามีจำเลยถึงแก่กรรมจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ แต่จำเลยไม่ชำระเงินตามสัญญากู้นั้น จึงเป็นการนำสืบถึงมูลหนี้ของสัญญากู้ซึ่งโจทก์มีสิทธินำสืบได้โดยไม่ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องและไม่เป็นการนำสืบแตกต่างจากคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง เมื่อคำให้การและทางนำสืบจำเลยยอมรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้ฉบับพิพาทไว้ให้โจทก์จริง ดังนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยแล้วว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้อง กรณีไม่จำต้องยกเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทขึ้นวินิจฉัย โจทก์จึงไม่จำต้องเสียค่าอ้างเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทดังกล่าว.
โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง เมื่อคำให้การและทางนำสืบจำเลยยอมรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้ฉบับพิพาทไว้ให้โจทก์จริง ดังนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยแล้วว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้อง กรณีไม่จำต้องยกเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทขึ้นวินิจฉัย โจทก์จึงไม่จำต้องเสียค่าอ้างเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทดังกล่าว.