พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8768/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี ต้องมีคำสั่งชัดเจน การเพิ่มเติมโทษโดยไม่ได้รับการอุทธรณ์เป็นโมฆะ
การกักขังแทนค่าปรับ ตาม ป.อ. มาตรา 30 วรรคหนึ่ง ให้ถืออัตรา 200 บาท ต่อ 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ก็ได้ แต่ทั้งนี้ศาลจะต้องสั่งไว้ให้ชัดแจ้ง หากศาลไม่ได้สั่งไว้เป็นอย่างอื่นโดยชัดแจ้งก็จะกักขังเกินกำหนด 1 ปี ไม่ได้ แม้ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาทขึ้นไปก็ตาม คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 โดยไม่ได้สั่งให้กักขังจำเลยทั้งสองไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น หากจะกักขังแทนค่าปรับก็กักขังได้เพียง 1 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี จึงเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 และปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้อง รวมถึงมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 195 วรรคสอง, 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังแทนค่าปรับเกินหนึ่งปีต้องมีคำสั่งชัดเจน การพิพากษาเพิ่มโทษโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์เป็นเหตุต้องห้าม
การกักขังแทนค่าปรับในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไป ศาลมีอำนาจให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีได้แต่ศาลจะต้องสั่งไว้ให้ชัดแจ้งหากศาลไม่ได้สั่งไว้โดยชัดแจ้งก็จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า"พิเคราะห์แล้วอนุญาตให้รับเป็นฎีกา สำเนาอีกฝ่ายแก้" คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยและอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 กำหนดให้ปรับเป็นสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วการปรับจึงต้องปรับเป็นสี่เท่าของราคาของและค่าอากรรวมกันหาใช่ปรับสี่เท่าเฉพาะราคาของอย่างเดียวแล้วบวกกับค่าอากรไม่
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า"พิเคราะห์แล้วอนุญาตให้รับเป็นฎีกา สำเนาอีกฝ่ายแก้" คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยและอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 กำหนดให้ปรับเป็นสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วการปรับจึงต้องปรับเป็นสี่เท่าของราคาของและค่าอากรรวมกันหาใช่ปรับสี่เท่าเฉพาะราคาของอย่างเดียวแล้วบวกกับค่าอากรไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังแทนค่าปรับต้องมีคำสั่งชัดเจน หากศาลไม่สั่งกักขังเกินหนึ่งปี แม้ปรับเกินสองหมื่นบาท และการคำนวณค่าปรับตามกฎหมายศุลกากร
การกักขังแทนค่าปรับในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไป ศาลมีอำนาจให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีได้แต่ศาลจะต้องสั่งไว้ให้ชัดแจ้งหากศาลไม่ได้สั่งไว้โดยชัดแจ้งก็จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า'พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้รับเป็นฎีกา สำเนาอีกฝ่ายแก้' คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยและอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 กำหนดให้ปรับเป็นสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วการปรับจึงต้องปรับเป็นสี่เท่าของราคาของและค่าอากรรวมกันหาใช่ปรับสี่เท่าเฉพาะราคาของอย่างเดียวแล้วบวกกับค่าอากรไม่
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า'พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้รับเป็นฎีกา สำเนาอีกฝ่ายแก้' คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยและอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 กำหนดให้ปรับเป็นสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วการปรับจึงต้องปรับเป็นสี่เท่าของราคาของและค่าอากรรวมกันหาใช่ปรับสี่เท่าเฉพาะราคาของอย่างเดียวแล้วบวกกับค่าอากรไม่