คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่งชี้ขาด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: คำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงระหว่างพิจารณา ไม่ใช่คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้น ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์หากไม่ได้โต้แย้ง
ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและนัดสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนสืบพยานศาลชั้นต้นตรวจสำนวนมีคำสั่งว่าพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นนี้ประกอบกับจำเลยไม่คัดค้านแล้วเชื่อว่ามูลคดีของโจทก์เกิดขึ้นในศาลชั้นต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นได้ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนมิใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายอันจะทำให้คดีเสร็จไปได้ทั้งเรื่องหากเสร็จไปเฉพาะแต่ประเด็นบางข้อตาม ป.วิ.พ. มาตรา 24 และมาตรา 228 (3) แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4731/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลล้มละลายเกี่ยวกับการขยายเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ถือเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอขยายระยะเวลาในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการนั้น เป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีของศาลในส่วนที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ การอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/79 ทั้งไม่ปรากฏว่าอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือตามมาตรา 90/79 (4) ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 หลังศาลมีคำสั่งชี้ขาดแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับแรกขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาท 11 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบให้แก่โจทก์โดย อ้างว่า การส่งมอบไม่ถูกต้องเพราะคดียังไม่ถึงที่สุดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบห้อง พิพาททั้งสิบห้าห้องรวมทั้งทรัพย์สินให้แก่โจทก์แล้ว จึง ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาและไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้องอีกต่อไป ให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งวินิจฉัย ชี้ขาดในประเด็นที่ผู้ร้องขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาท 11 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบให้แก่โจทก์แล้ว หากผู้ร้องไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้น ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ผู้ร้อง กลับมายื่นคำร้องอีกฉบับว่าการส่งมอบห้องพิพาทไม่ถูกต้อง ผู้ร้องยังครอบครองห้องพิพาทอีก 4 ห้อง การบังคับคดียังไม่ เสร็จสิ้น และการด่วนคืนห้องพิพาทให้แก่โจทก์ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้อง ขอให้ไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้องฉบับแรกและคืน ห้องพิพาททั้งสิบห้าห้องให้แก่ผู้ร้อง คำร้องฉบับหลังจึง มีข้ออ้างเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรก แม้จะมีคำขอต่างกัน โดยขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกและขอให้คืนห้องพิพาททั้ง สิบห้าห้อง ก็สืบเนื่องมาจากประเด็นข้อพิพาทเดียวกัน จึง เป็นการขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี หรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และปัญหาเรื่องการดำเนิน กระบวนพิจารณาซ้ำเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหลังมีคำสั่งชี้ขาดแล้ว และข้อจำกัดการเพิกถอนการบังคับคดีในชั้นฎีกา
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาท11 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุในคำร้องว่าการส่งมอบไม่ถูกต้องเพราะคดียังไม่ ถึงที่สุดและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้แล้วการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบห้องพิพาททั้งสิบห้าห้องรวมทั้งทรัพย์สินให้แก่โจทก์แล้วไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาและไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้องอีกต่อไปจึงให้ยกคำร้องนั้น เป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ผู้ร้องขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาทแล้ว หากผู้ร้องไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ การที่ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ แต่กลับมายื่นคำร้องต่อมาว่าการส่งมอบห้องพิพาทไม่ถูกต้อง ผู้ร้องยังครอบครองห้องพิพาทอีก 4 ห้อง การบังคับคดียังไม่เสร็จสิ้นและการด่วนคืนห้องพิพาทให้แก่โจทก์ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้องจึงขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกของผู้ร้อง และคืนห้องพิพาททั้งสิบห้าห้องให้แก่ผู้ร้อง ต่อไปนั้น คำร้องฉบับหลังมี ข้ออ้างเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรก แม้จะมีคำขอต่างกันโดย ขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกและขอให้คืนห้องพิพาททั้งสิบห้าห้องก็สืบเนื่องมาจากประเด็นข้อพิพาทเดียวกัน จึงเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ปัญหาเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการบังคับคดีที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องว่ากล่าวมาตามลำดับชั้นศาลมิใช่เพิ่งยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ใช่คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้น โจทก์ต้องโต้แย้งก่อนอุทธรณ์
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งก่อนศาลนั้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 และมิใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา 24 และมาตรา 227เพราะที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ภาระการพิสูจน์ตกโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ฟังได้ตามคำฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีนั้นเป็นการวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ตามฟ้อง มิได้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายที่พิพาทกันในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อธิบดีกรมอัยการไม่มีอำนาจรื้อฟื้นคำสั่งชี้ขาดเดิม และการกระทำของรองอธิบดีขัดขวางการบังคับใช้กฎหมาย
กรณีที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติเฉพาะแต่ตามหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นโดยตรง ตามที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่นั้นๆ เท่านั้น ถ้าไม่เกี่ยวกับหน้าที่ของพนักงานผู้นั้นโดยตรงแล้วย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว
การที่จะมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจนั้น เป็นอำนาจของอธิบดีกรมอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 เมื่อได้ความว่าจำเลยได้ลอบทำบันทึกส่งไม่ฟ้อง จ.กับพวก และมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมตำรวจภายหลังจากวันที่จำเลยพ้นจากการเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมอัยการแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
จำเลยเป็นพนักงานอัยการตำแหน่งรองอธิบดีกรมอัยการ แม้จะพ้นจากการเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมอัยการแล้ว แต่รู้อยู่แล้วว่า อธิบดีกรมอัยการคนก่อนได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง จ.กับพวก ตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจ ระหว่างที่จำเลยยังไม่ได้มอบงานให้ ก.รองอธิบดีกรมอัยการซึ่งจะเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิยดีกรมอัยการแทนจำเลย จำเลยย่อมมีหน้าที่ดูแลปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการคนก่อนซึ่งได้สั่งเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่จำเลยกลับลอบทำบันทึกสั่งไม่ฟ้อง จ.กับพวก แล้วสอบแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องนั้นไปยังอธิบดีกรมตำรวจซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเจตนาป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามคำสั่งของอธิบดีกรมอัยการคนก่อน เพื่อจะช่วย จ.กับพวก มิให้ต้องโทษ จนอธิบดีกรมตำรวจได้แจ้งคำสั่งของจำเลยดังกล่าวให้ผู้ร้องทุกข์และผู้ต้องหาทราบทุกคนแล้ว เช่นนี้ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 165,200
เมื่ออธิบดีกรมอัยการชี้ขาดให้ฟ้องคดีตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจแล้ว คำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องคดีของกรมอธิบดีกรมอัยการเป็นอันถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 พนักงานอัยการต้องฟ้องคดีไปตามนั้น เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาชี้ขาดใหม่ได้ อธิบดีกรมอัยการจึงไม่มีอำนาจที่จะชี้ขาดกลับคำสั่งของตนได้อีก
ฟ.เป็นพนักงานอัยการ กรมอัยการ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษประจำกรม กองคดี กรมอัยการ และอธิบดีกรมอัยการสั่งให้ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้ช่วยอัยการพิเศษฝ่ายคดี (อาญา) รับผิดชอบฐานอุทธรณ์ ส่วน ย. เป็นพนักงานอัยการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษประจำกรม กองคดี กรมอัยการ และอธิบดีกรมอัยการได้สั่งให้ปฏิบัติราชการในหน้าที่หัวหน้าพนักงานอัยการ พนักงานอัยการกอง 7 กับมีระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาชั้นอุทธรณ์และฎีกาในส่วนราชการใดของกรมอัยการ ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมอัยการมีคำสั่ง การที่อธิบดีกรมอัยการสั่งในคำชี้ขาดในฎีกาว่า ให้ ฟ. และ ย. ร่วมกันทำฎีกาส่งมาให้รับรองเพื่อส่งศาลฎีกาต่อไป ถือได้ว่าอธิบดีกรมอัยการทำคำสั่งเฉพาะเรื่องตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 มาตรา 15 ให้ ฟ. และ ย. มีอำนาจดำเนินคดีนี้ในชั้นฎีกา ตามนัยดังกล่าว ฟ.จึงมีอำนาจลงชื่อเป็นผู้ฎีกา และ ฟ.กับย.มีอำนาจลงชื่อเป็นผู้เรียงได้ในคำฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งฟ้องเคลือบคลุมและการอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ถ้าศาลชั้นต้นสั่งว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม คำสั่งเช่นนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นประโยชน์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว แม้มีการอุทธรณ์คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้น
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอของจำเลยเสีย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นคงดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก ดังนี้ ถือว่าคดีย่อมถึงที่สุดเด็ดขาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอของจำเลยนั้น จำเลยฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาอีก ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยอย่างใด เพราะศาลฎีกาไม่อาจจะพิพากษายกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดเด็ดขาดแล้วนั้นได้ และฎีกาชนิดนี้ไม่เป็นประเด็นในผลแห่งคดีศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องระบุประเด็นชัดเจน & คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นต้องอุทธรณ์ตามกฎหมายกำหนด มิฉะนั้นหมดสิทธิ
ปัญหาข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกานั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกามิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลชี้ขาดเรื่องรวม/แยกขายทรัพย์สินบังคับคดีเป็นที่สุด ห้ามอุทธรณ์/ฎีกา
จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง ตามสภาพที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง แล้วแยกขายทีละแปลง ในวันไต่สวนจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้ตรวจคำร้อง คำคัดค้านของโจทก์และคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 4 จึงให้งดไต่สวน แล้วให้คู่ความรอฟังคำสั่ง จากนั้นได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 4 อันเป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสองแล้ว ปัญหาที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ได้ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 4 ก่อนมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าว และไม่มีคำสั่งให้เลื่อนคดีตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 4 เป็นการไม่ชอบนั้น ล้วนเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นเพื่อนำไปสู่การโต้แย้งว่าคำสั่งชี้ขาดของศาลชั้นต้นในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดซึ่งเป็นที่สุดแล้วไม่ชอบ คำสั่งของศาลชั้นต้นในปัญหาดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดเช่นเดียวกัน