พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5649/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์สำเร็จเมื่อมีคำสั่งซื้อ ไม่ใช่เมื่อส่งมอบหรือฝากจอด การประเมินภาษีโดยอ้างวันส่งมอบไม่ชอบ
รถยนต์ที่บริษัท ส.ผลิตได้ในแต่ละวันบริษัทส.จะออกใบส่งมอบและนำรถยนต์ออกไว้ และในแต่ละวันจะสรุปยอดจำนวนและรายละเอียดของรถยนต์ที่ผลิตไว้ในใบปล่อยสินค้า โดยนำข้อมูลมาจากเอกสารส่งมอบและนำรถยนต์ออก แล้วส่งใบปล่อยสินค้าดังกล่าวไปยังบริษัท ท. ผู้ซื้อ ใบปล่อยสินค้าเป็นเพียงเอกสารที่แสดงให้เห็นว่าได้ผลิตรถยนต์รุ่นใด สีใด จำนวนเท่าใดไว้พร้อมที่จะขายให้แก่บริษัท ท. ได้แล้วเท่านั้นวันที่ออกเอกสารใบปล่อยสินค้า จึงยังมิใช่วันที่มีการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แต่จะเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดต่อเมื่อบริษัท ท.ได้มีคำสั่งซื้อแม้บริษัทส.ส่งรถยนต์ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ไปจอดไว้ที่บริษัท ท.ตั้งแต่วันออกใบปล่อยสินค้า ก็เป็นเพียงแต่ส่งรถยนต์ไปฝากจอดไว้เท่านั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถือเอาวันที่บริษัท ส.นำรถยนต์ไปฝากไว้ที่บริษัท ท. เป็นวันซื้อขายเสร็จเด็ดขาดแล้วประเมินและวินิจฉัยให้บริษัท ส.เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เบี้ยปรับและเงินเพิ่มจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6049/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีการค้า: วันซื้อขายสำเร็จเมื่อมีคำสั่งซื้อ ไม่ใช่วันส่งสินค้า การอนุญาตเพิ่มพยานหลักฐาน และการพิพากษาไม่เกินคำขอ
บริษัท พ.ผลิตรถยนต์จำหน่ายให้แก่บริษัทส. ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวโดยมีข้อตกลงและระเบียบปฏิบัติต่อกันว่าเมื่อบริษัท พ. ผลิตรถยนต์แต่ละคันเสร็จจะทำสำเนาเอกสารใบ D/O(DeliveryOrder) ระบุรุ่นของรถยนต์ หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถังและรหัสสีของรถยนต์มอบให้แก่บริษัทส. พร้อมกับส่งมอบรถยนต์ไปจอดเก็บไว้ที่บริษัท ส.เพื่อจะได้ทราบว่าบริษัทพ.ผลิตรถยนต์รุ่นใด สีใดไว้แล้วจะได้เสนอขายแก่ลูกค้า ถ้าบริษัทส.ต้องการจะซื้อรถยนต์คันใดก็จะโทรศัพท์สั่งซื้อไปยังบริษัทพ.ครั้นสิ้นเดือน ฝ่ายบัญชีของบริษัท ส. ก็จะรวบรวมยอดรถยนต์ที่สั่งซื้อในเดือนนั้นทำเป็นใบสั่งซื้อ (PurchaseForm) ส่งให้บริษัท พ.แล้วบริษัทพ. จะออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) สำหรับรถยนต์ที่ซื้อขายกันในเดือนนั้นมาให้แก่บริษัท ส. เพื่อเรียกเก็บเงินต่อไป และการที่บริษัท พ. ส่งมอบรถยนต์ไปจอดเก็บไว้ที่บริษัท ส. ก็เป็นการนำไปฝากจอดไว้ เอกสารใบ D/O จึงเป็นเพียงเอกสารที่แสดงว่าบริษัท พ. ได้ผลิตรถยนต์รุ่นใด สีใด จำนวนเท่าใดไว้พร้อมที่จะขายให้แก่บริษัท ส.เท่านั้นวันที่บริษัทพ.ออกเอกสารใบ D/O จึงยังมิใช่วันที่มีการซื้อขายรถยนต์เสร็จเด็ดขาดแต่จะเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดต่อเมื่อบริษัท ส. มีคำสั่งซื้อบริษัท พ. จึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าในเดือนภาษีที่มีคำสั่งซื้อนั้น ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 จัตวา (3) คดีมีพยานเอกสารที่โจทก์ต้องอ้างอิงเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการยากที่จะทราบได้ว่าต้องอ้างอิงเอกสารอะไรทั้งหมดในคราวเดียวกันแต่โจทก์ได้ระบุอ้างพยานเอกสารในครั้งแรกก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน ตั้งแต่พยานอันดับ 11 ถึงอันดับ 28 รวม 18 อันดับไว้แล้ว การที่โจทก์มาขอระบุบัญชีพยานเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งโดยระบุพยานเอกสารเพิ่มเติมอีกรวม 8 อันดับนั้น ถือได้ว่ามีเหตุอื่นอันสมควร เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์ระบุเพิ่มเติมเป็นเอกสารสำคัญอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีที่ศาลต้องใช้ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญในปัญหาที่โต้เถียงกันเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรมยิ่งขึ้น ศาลภาษีอากรกลางย่อมมีอำนาจสั่งอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ 6 ฉบับ คือฉบับเลขที่ 317 ก./2531/1,317 ข./2531/1,317 ค./2531/1,317ง./2531/1,317 จ./2531/1และ 317 ฉ./2531/1 ซึ่งวินิจฉัยให้โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และภาษีเทศบาลรวม 63,181,961.69 บาทโดยแนบสำเนาคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทั้ง 6 ฉบับ ดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วยและคำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็ได้มีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์รวม 6 ฉบับ ที่ให้โจทก์ชำระภาษีการค้า เงินเพิ่ม เบี้ยปรับและภาษีบำรุงเทศบาลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 63,181,961.69 บาท และเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์จำนวนดังกล่าว ย่อมเป็นที่เข้าใจอยู่ในตัวแล้วว่า โจทก์ได้ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับเลขที่317 ง./2531/1 ด้วย ดังนั้น แม้ว่าตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับดังกล่าวก็ตามศาลภาษีอากรกลางก็มีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับดังกล่าวได้ หาเกินคำขอไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2507/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นตามคำสั่ง แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับตลาดหลักทรัพย์ ก็มีผลผูกพันตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด
โจทก์ได้จัดการซื้อหุ้นตามฟ้องตามคำสั่งซื้อของจำเลยและโจทก์ออกเงินค่าหุ้นแทนจำเลยไป แม้จะไม่มีสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับตลาดหลักทรัพย์มาเป็นพยาน จำเลยก็มีหน้าที่ตามคำขอเปิดบัญชีเดินสะพัดซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะต้องชำระเงินคืนให้โจทก์ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นตามคำสั่ง: การพิสูจน์การซื้อหุ้นตรงตามคำสั่ง และการจัดสรรหุ้นที่ไม่ผูกติดกับหมายเลขหุ้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าหุ้นที่สั่งซื้อ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มิได้สั่งซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลย ณ วันที่สั่งซื้อหุ้นที่นำมาฟ้องโจทก์ซื้อภายหลังวันที่จำเลยสั่งซื้อ เมื่อหุ้นที่โจทก์ซื้อ ณ วันที่จำเลยสั่งซื้อ ตรงตามคำสั่ง ส่วนลูกหุ้นที่เกินเป็นการซื้อจากบริษัทเจ้าของหุ้นมิใช่ซื้อจากตลาดหลักทรัพย์ แสดงว่าโจทก์ได้ซื้อหุ้นที่นำมาฟ้องตรงตามคำสั่งของจำเลย ณ วันสั่งซื้อ และเป็นการซื้อหุ้นโดยทำเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย
บริษัทหลักทรัพย์โจทก์อาจซื้อหุ้นเพื่อลูกค้าหลายรายซึ่งสั่งซื้อหุ้นบริษัทเดียวกันและมีราคาเดียวกันได้ และตามระเบียบจะต้องมีการจัดสรรหุ้น ดังนั้นหมายเลขหุ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อจึงไม่แน่นอนแล้วแต่การจัดสรรว่าลูกค้าที่สั่งซื้อหุ้นแต่ละรายจะได้หุ้นหมายเลขอะไร
เมื่อรับแจ้งจากโจทก์ว่าซื้อหุ้นให้แล้ว จำเลยมีสิทธิสั่งขายหุ้นได้ไม่เคยเกิดปัญหาว่าสั่งแล้วโจทก์ส่งมอบใบหุ้นให้ผู้ซื้อไม่ได้ เมื่อซื้อหุ้นได้แล้ว ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระใน 4 วัน จำเลยจะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 12.5 ต่อปีแต่ถ้าสั่งขายภายใน 4 วัน ก็ไม่ต้องชำระเงินเพราะโจทก์จะนำมาหักกลบลบกัน ถ้ามีกำไร โจทก์ก็จะจ่ายส่วนที่เป็นกำไรให้จำเลย ถ้าขาดทุนจำเลยก็จะต้องนำส่วนที่ขาดทุนไปชำระให้แก่โจทก์ไม่เคยปรากฏในทางปฏิบัติว่าการสั่งซื้อขายหุ้นจะต้องแจ้งหมายเลขหุ้นที่ซื้อหรือขายแต่ประการใด
บริษัทหลักทรัพย์โจทก์อาจซื้อหุ้นเพื่อลูกค้าหลายรายซึ่งสั่งซื้อหุ้นบริษัทเดียวกันและมีราคาเดียวกันได้ และตามระเบียบจะต้องมีการจัดสรรหุ้น ดังนั้นหมายเลขหุ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อจึงไม่แน่นอนแล้วแต่การจัดสรรว่าลูกค้าที่สั่งซื้อหุ้นแต่ละรายจะได้หุ้นหมายเลขอะไร
เมื่อรับแจ้งจากโจทก์ว่าซื้อหุ้นให้แล้ว จำเลยมีสิทธิสั่งขายหุ้นได้ไม่เคยเกิดปัญหาว่าสั่งแล้วโจทก์ส่งมอบใบหุ้นให้ผู้ซื้อไม่ได้ เมื่อซื้อหุ้นได้แล้ว ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระใน 4 วัน จำเลยจะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 12.5 ต่อปีแต่ถ้าสั่งขายภายใน 4 วัน ก็ไม่ต้องชำระเงินเพราะโจทก์จะนำมาหักกลบลบกัน ถ้ามีกำไร โจทก์ก็จะจ่ายส่วนที่เป็นกำไรให้จำเลย ถ้าขาดทุนจำเลยก็จะต้องนำส่วนที่ขาดทุนไปชำระให้แก่โจทก์ไม่เคยปรากฏในทางปฏิบัติว่าการสั่งซื้อขายหุ้นจะต้องแจ้งหมายเลขหุ้นที่ซื้อหรือขายแต่ประการใด