พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินสาธารณะและเขตอุทยานฯ โดยสุจริตและมีคำสั่งอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ไม่แน่ชัดว่า จำเลยรู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของรัฐซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะหรือไม่ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริต เข้าใจว่าตนเองมีสิทธิที่จะทำได้ จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ
คำสั่งอนุญาตให้จำเลยสร้างบังกะโลได้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ยังมีข้อโต้เถียงกันจนต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ เมื่อจำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำได้ตามที่ได้รับอนุญาตจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ จึงน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติ
ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้นแล้ว นำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำสั่งอนุญาตให้จำเลยสร้างบังกะโลได้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ยังมีข้อโต้เถียงกันจนต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ เมื่อจำเลยเชื่อว่าตนมีสิทธิทำได้ตามที่ได้รับอนุญาตจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ จึงน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติ
ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้นแล้ว นำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2778/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะและการขาดคำสั่งอนุญาต
จำเลยถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ ก.ฟัง โดยระบุว่าเป็นทนายจำเลย โดยไม่ได้ทำการไต่สวนคำร้องของ ก. ที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะ ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษาคดีไปโดยที่ยังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ทายาทของจำเลยผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยผู้มรณะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะหาได้ไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ชอบ ยังถือไม่ได้ว่า ก.ทายาทได้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยโดยชอบแต่ประการใด ก.จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4885/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต้องเป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
เมื่อจำเลยคัดค้านคำร้องขอของโจทก์ที่ขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา กรณีจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 223 ทวิที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต จึงเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง: คำสั่งอนุญาตเลิกจ้างเป็นเพียงสิทธิ ไม่ใช่คำสั่งแทนนายจ้าง
การที่ผู้ร้องร้องขอต่อศาลแรงงานกลางเพื่อขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างนั้น ศาลแรงงานกลางต้องพิจารณาว่ากรณีมีเหตุอันสมควรและเพียงพอที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างได้หรือไม่ ถ้าศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างได้ ก็เป็นเพียงให้สิทธิแก่ผู้ร้องที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านเท่านั้น มิใช่เป็นคำสั่งแทนนายจ้างให้เลิกจ้างกันทันทีโดยผู้ร้องจะต้องมีคำสั่งเลิกจ้างอีกชั้นหนึ่ง การที่ผู้คัดค้านฟ้องแย้งและเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่า หากจะมีการเลิกจ้างเกิดขึ้นไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ย่อมเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องที่ผู้ร้องยังมิได้โต้แย้งสิทธิของผู้คัดค้านโดยการเลิกจ้าง จึงไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของผู้คัดค้านไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนอ้างเหตุชำรุดทรุดโทรม แต่คดีหลังอ้างเหตุมีคำสั่งอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเช่า
คดีแรก โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างเหตุว่าห้องเช่าชำรุดทรุดโทรมและโจทก์ไม่มีที่อยู่ จะรื้อปลูกใหม่และอยู่เอง ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ส่วนคดีหลัง โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอีก อ้างเหตุว่าเพราะได้รับคำสั่งอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเช่าฯ ให้โจทก์รื้อห้องพิพาทปลูกสร้างใหม่และเข้าอยู่เองได้ โดยอาศัยเหตุต่างกันคนละประเด็นกับคดีแรกเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องซ้ำ
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ พ.ศ.2504 ไม่ได้บังคับว่าผู้ให้เช่าจะดำเนินการ (ร้องขอรื้อห้องพิพาทเพื่อสร้างใหม่และเข้าอยู่เอง) แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ หรือคณะกรรมการควบคุมการเช่าจะต้องให้ผู้เช่าทราบเพื่อได้มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด แม้คณะกรรมการควบคุมการเช่าจะไม่ได้ให้ผู้เช่าทราบหรือเรียกมาชี้แจง ก็หาทำให้คำสั่งของคณะกรรมการควบคุมการเช่ากลายเป็นคำสั่งที่มิชอบไปไม่ เมื่อคณะกรรมการควบคุมการเช่าใช้ดุลพินิจเห็นสมควรและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ให้เช่ารื้อห้องพิพาทปลูกสร้างใหม่และเข้าอยู่เองกับแจ้งคำสั่งให้ผู้เช่าทราบแล้ว ผู้เช่ามิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้น คำสั่งย่อมเด็ดขาด ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาว่าคณะกรรมการฯอนุญาตไปโดยมีเหตุสมควรหรือไม่
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ พ.ศ.2504 ไม่ได้บังคับว่าผู้ให้เช่าจะดำเนินการ (ร้องขอรื้อห้องพิพาทเพื่อสร้างใหม่และเข้าอยู่เอง) แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ หรือคณะกรรมการควบคุมการเช่าจะต้องให้ผู้เช่าทราบเพื่อได้มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด แม้คณะกรรมการควบคุมการเช่าจะไม่ได้ให้ผู้เช่าทราบหรือเรียกมาชี้แจง ก็หาทำให้คำสั่งของคณะกรรมการควบคุมการเช่ากลายเป็นคำสั่งที่มิชอบไปไม่ เมื่อคณะกรรมการควบคุมการเช่าใช้ดุลพินิจเห็นสมควรและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ให้เช่ารื้อห้องพิพาทปลูกสร้างใหม่และเข้าอยู่เองกับแจ้งคำสั่งให้ผู้เช่าทราบแล้ว ผู้เช่ามิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้น คำสั่งย่อมเด็ดขาด ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาว่าคณะกรรมการฯอนุญาตไปโดยมีเหตุสมควรหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนำฟ้องและการรื้อฟื้นคำสั่งอนุญาตรับฟ้อง: ศาลไม่ควรกลับคำสั่งเดิมหากไม่มีเหตุผลเพียงพอ
ทนายโจทก์มอบฉันทะให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาลศาลได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้จนกระทั่งคดีดำเนินมาถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาในระหว่างดำเนินคดีตามประเด็น ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะมีคำสั่งรื้อฟื้นอำนาจของผู้นำฟ้องมายื่น ขึ้นพิจารณาอีก เพราะไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นธรรมอย่างใดเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วม: ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตก่อนจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้
การฟ้องคดีอาญานั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้แต่ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องที่ร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ ฉะนั้นเพียงแต่ผู้เสียหายร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลสั่งเพียงว่า "สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด" พอถึงวันนัด จำเลยสารภาพ ศาลก็ตัดสินคดีไปทีเดียวถือว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีนั้น