คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่งไม่รับอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5947/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ได้ก่อน
ในการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้น นอกจากผู้อุทธรณ์จะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลแล้ว ผู้อุทธรณ์ยังต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลอีกด้วย ทั้งยังเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวโดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อน จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยนำเพียงค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาล โดยไม่ได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จึงเป็นการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4817/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ป.วิ.พ. มาตรา 234 ครบถ้วน มิเช่นนั้นอุทธรณ์ไม่ชอบ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาคดีใหม่มิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งให้รับอุทธรณ์ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้การบังคับล่าช้าออกไปและอาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา 234 ดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่มีข้อความโต้แย้งคำพิพากษาของศาชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมหรือหาประกัน
แม้คำร้องของจำเลยจะได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่จำต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นมาด้วยก็ตาม แต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องนั้น จำเลยได้ระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาของคำร้องจำเลยก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงพอขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาชี้การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมหรือประกัน
แม้คำร้องของจำเลยจะสรุปข้อเท็จจริงถึงเหตุที่ต้องขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดเกี่ยวกับกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ตามแต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องจำเลยระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าเป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย โดยมีข้อเท็จจริงเรื่องเหตุจำเป็นต้องยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับกำหนดวันครบอุทธรณ์เพื่อประกอบการวินิจฉัย ให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2691/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันเพื่ออุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: พิจารณาจากหนี้คงเหลือหลังหักกลบ
การที่ ป.วิ.พ. มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นนั้น สืบเนื่องจากเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ผู้แพ้คดีจะต้องถูกบังคับคดีตาม คำพิพากษา หากผู้แพ้คดีจะให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ กระบวนการในการบังคับคดีย่อมต้องล่าช้าไป โดยเฉพาะหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ผู้ชนะคดีอาจต้องเสียประโยชน์เพราะความล่าช้าดังกล่าวโดยมิใช่ความผิดของตน จึงควรให้ผู้ชนะคดีมีหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษา มิฉะนั้น ผู้แพ้คดีอาจใช้บทบัญญัติของกฎหมายในส่วนนี้เพื่อประวิงการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 257,565 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 454,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ด้วย หากต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์และเป็นผลให้คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อหักกลบลบหนี้ตามคำพิพากษาระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว จำเลยยังกลับมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์อีก จำเลยย่อมไม่ได้รับความเสียหายจากการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะให้โจทก์นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษา มาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6796/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไม่มีทุนทรัพย์ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และอำนาจศาลอุทธรณ์ภาคในการพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของมารดาจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
คดีไม่มีทุนทรัพย์และต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดตาม ป.วิ.พ.มาตรา 234 แต่จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 2ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีอำนาจที่จะสั่งว่า จำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับสั่งว่าคดีของจำเลยมีทุนทรัพย์ ให้ศาลชั้นต้นเรียกให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์แล้วให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอุทธรณ์ของจำเลยใหม่ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.ว่าด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 243 ประกอบมาตรา 247 ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและให้ยกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2มีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี กับให้ยกฎีกาของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมและปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน ศาลไม่ต้องมีคำสั่ง
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ผู้อุทธรณ์ก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ทั้งยังเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อน คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะเหตุที่ผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระหนี้ตามคำพิพากษา หรือหาประกันตามกฎหมาย
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ผู้อุทธรณ์ก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ทั้งยังเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวโดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะเหตุที่ผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7310/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ การแจ้งผลคำสั่ง และผลของการยื่นคำร้องเพิ่มเติม
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายหลังจากวันยื่นอุทธรณ์และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบก็ตาม แต่การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แสดงว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายในกำหนดสิบห้าวันตาม ป.วิ.พ.มาตรา 234 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องนั้น หามีผลทำให้จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลยไม่
of 3