พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานจากคำเบิกความเท็จในชั้นศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136,326,90 และ 91 คำฟ้องที่โจทก์บรรยายไว้มีข้อความครบถ้วน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้ว ทั้งฟ้องโจทก์ได้ระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้ง ถ้อยคำเบิกความอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทและดูหมิ่น ไว้เพียงพอ ที่จะทำให้จำเลยที่ 2 เข้าใจข้อหาทั้งสองได้ดี โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องแยกว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ส่วนใดเป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทและส่วนใดเป็นความผิดในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 2 เบิกความเป็นพยานของจำเลยที่ 1 ในคดี ที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญาว่า ในขณะที่โจทก์ทำหน้าที่สืบสวนหามูลคดีในเรื่องที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกด. กับพวก ร้องเรียนกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 สมคบกัน ข่มขู่ให้จำเลยให้การปรักปรำ ด. โดยโจทก์ได้เรียกร้องเงินจำนวน 30,000 บาท จากจำเลยที่ 1 เพื่อเป็นการตอบแทน ในการปั้นพยานอันเป็นการสร้างพยานหลักฐานที่ไม่เป็น ความจริงให้แก่จำเลยที่ 1 ความจริงโจทก์ไม่เคยเรียกร้อง เงินจำนวน 30,000 บาท จากจำเลยที่ 1 ตามที่จำเลยที่ 2 เบิกความ การที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ถูกสอบสวนเอาความผิด ทางวินัยในเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้ เพราะกรณี เช่นนี้ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 อาจจะรอผลการพิจารณา พิพากษาคดีนี้ก็ได้ ดังนั้น ถ้อยคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเป็นการใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโจทก์อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จในคดีหย่ามีผลต่อความรับผิดทางอาญา มาตรา 177
ในกรณี หย่าโดยคำพิพากษาของศาลประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1520วรรคสองกำหนดให้ศาลซึ่งพิจารณาคดี ฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใดทั้งนี้ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญคำเบิกความของจำเลยที่มีใจความว่าโจทก์ไม่เคยให้อะไรจำเลยตลอดชีวิตสมรสเพื่อบ่งชี้ว่าโจทก์เป็นคนนิสัยตระหนี่ไม่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อกับคำเบิกความที่มีใจความว่าขณะบุตรทั้งสองอยู่ที่บ้านมารดาโจทก์ในประเทศ สหรัฐอเมริกา โจทก์ไม่สนใจใยดีต่อบุตรทั้งสองปล่อยให้บุตรทั้งสองหาอาหารรับประทานเองและโจทก์ยังได้ทำโทษบุตรทั้งสองโดยให้นอนที่ระเบียงบ้านนอกห้องนอนทำให้หนาวเย็นจนเกิดความกลัวเพื่อบ่งชี้ว่าโจทก์ไม่มีความรักความห่วงใยในตัวบุตรทั้งสองและโจทก์เป็นคนมีจิตใจโหดร้ายต่อบุตรทั้งสองไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองได้จึงเป็นข้อสำคัญในคดีที่จำเลยฟ้องขอหย่าและขอให้ศาลชี้ขาดว่าจำเลยหรือโจทก์ฝ่ายใดสมควรจะเป็น ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร เพราะหากศาลเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยศาลอาจชี้ขาดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองและแม้ว่าศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้บุตรทั้งสองอยู่ในความปกครองของจำเลยตามความต้องการของบุตรทั้งสองเป็นประการสำคัญโดยมิได้ยกเอาคำเบิกความของจำเลยขึ้นวินิจฉัยแต่ข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องนำมาคำนึงถึงว่าจำเลยหรือโจทก์ฝ่ายใดควรจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแล้วจะทำให้บุตรทั้งสองได้รับความผาสุกและประโยชน์ดีที่สุดเป็นสำคัญนั้นมีอยู่หลายประการหาใช่มีแต่เพียงเหตุเดียวเฉพาะที่ศาลชั้นต้นยกมาอ้างอิงเอาไว้โดยเด่นชัดเท่านั้นไม่ดังนั้นข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจึงเป็น ข้อสำคัญในคดีมาแต่ต้นหากเป็นความเท็จการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3439/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จที่ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีเช็ค การชำระหนี้บางส่วนไม่กระทบความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต
คำเบิกความที่เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีว่าโจทก์กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่อยู่ที่ว่าโจทก์ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่มิได้อยู่ที่ว่าเช็คที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญานั้นมีการชำระหนี้กันบางส่วนตามเช็คนั้นหรือไม่ แม้คำเบิกความของจำเลยที่ว่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์1 คัน ราคา210,000 บาท และได้ชำระด้วยเงินสดให้โจทก์จะเป็นความเท็จความจริง เมื่อจำเลยนำเช็คที่โจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินไม่ได้โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์เอารถแทรกเตอร์ของโจทก์ตีใช้หนี้ให้จำเลยบางส่วนเป็นเงิน 210,000บาท ดังฟ้อง ก็มิใช่คำเบิกความอันเป็นเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จเพื่อยืดอายุความคดีอาญา: ผลกระทบต่อการฟ้องร้อง
โจทก์ถูกฟ้องด้วยข้อหายักยอกซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเป็นอันขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปคำเบิกความเท็จของจำเลยซึ่งสนับสนุนข้ออ้างว่าสิทธิที่จะฟ้องร้องโจทก์ยังมิได้ระงับไปด้วยคดีขาดอายุความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาของผู้เสียหายที่ได้รับกระทบจากคำเบิกความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ป.ในข้อหาฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายว่า ป. ขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติและได้ลดความเร็วลงเมื่อถึงทางโค้ง พอรถแฉลบผู้ตายสะดุ้งตื่นร้องโวยวาย และคว้ามือ ป. เป็นเหตุให้รถแฉลบจากถนนพลิกคว่ำ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นบุตรผู้ตาย ได้ยื่นฟ้องป. เป็นคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายเนื่องจาก ป. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มารดาผู้ร้องถึงแก่ความตาย และได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่ ป.เป็นจำเลยดังกล่าวเช่นนี้ ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีนี้โดยตรงและมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ เพราะผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าว และคำเบิกความเท็จในข้อสำคัญของจำเลยนี้ในคดีอาญาดังกล่าว ย่อมกระทบกระเทือนถึงผลของคดีแพ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องป. โดยศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563-565/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จที่ไม่เป็นสาระสำคัญในคดีอาญา และขอบเขตการหมิ่นประมาทในกระบวนการพิจารณา
จำเลยเบิกความในคดีที่ พ.ถูกฟ้องคดีอาญาฐานขับรถประมาทชนคนบาดเจ็บ ว่า พ.ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเพราะถูกโจทก์ขู่เข็ญนั้นหากคดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า พ.กระทำผิดแล้ว แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความจะเป็นเท็จ ก็ไม่ใช่เท็จในข้อสำคัญแห่งคดี
การที่จำเลยเบิกความในคดีที่จำเลยถูกฟ้องฐานขับรถประมาทชนคนบาดเจ็บว่า จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเพราะถูกโจทก์ขู่เข็ญนั้น เห็นได้ว่าเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่จำเลยเบิกความในคดีที่จำเลยถูกฟ้องฐานขับรถประมาทชนคนบาดเจ็บว่า จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเพราะถูกโจทก์ขู่เข็ญนั้น เห็นได้ว่าเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเท็จของคำเบิกความ: โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นว่าคำให้การชั้นศาลเป็นเท็จ ไม่สามารถใช้คำให้การชั้นสอบสวนมายันได้
ฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จเพียงแต่เอาคำให้การชั้นศาลว่าคำให้การชั้นศาลเป็นเท็จนั้นรับฟังไม่ได้