คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำให้การเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ: ศาลอนุญาตได้แม้เป็นข้อต่อสู้ใหม่ ไม่ผูกติดกับคำให้การเดิม
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่นั้นไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน ศาลต้องยึดตามคำให้การเดิม แม้มีบันทึกรับสารภาพในรายงานพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนโดยอาศัยคำให้การเดิม: ความถูกต้องตามกฎหมายและการมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
การที่พนักงานสอบสวนเอาคำให้การเดิมชั้นกรรมการสอบสวนมาถามพะยาน เพื่อให้รับรองและสอบถามเพิ่มเติมแล้วจดบันทึกไว้ และอ่านให้พะยานฟังพร้อมกับให้ลงชื่อไว้ ดังนี้แม้จะมิได้อ่านคำให้การเดิมนั้นให้พะยานฟัง ก็ถือว่าเป็นการสอบสวนที่ถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781-783/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การให้การขัดแย้งกันชั้นสอบสวนและศาล ย่อมฟังได้ว่าคำให้การเดิมเป็นเท็จ
จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่าไม่เห็นคนร้ายแตกต่างกับที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนว่าเห็น เมื่อจำเลยถูกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ จำเลยให้การสู้คดีว่าได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่เห็นคนร้ายแต่พนักงานสอบสวนจดเอาเองว่าเห็น ไม่ได้อ่านให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ได้เถียงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความจริง ดังนี้ ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่หลังศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษา จำเป็นต้องสืบพยานใหม่ ห้ามอ้างคำให้การเดิม
การพิจารณาพิพากษาคดี+ก่อนที่ศาลสูงได้ยก+เพราะไม่ถูกต้องด้วย+ธรรมนูญ นั้นคู่ความจะ+ให้ศาลถือเอาคำให้การพะยานในคราวก่อนนั้นขึ้น+ในการพิจารณาคดี +ใหม่เป็นการไม่ถูกต้องด้วยพิจารณาต้องถือว่าคดีโจทก์+หลักฐานจะลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตใช้คำให้การเดิมในชั้นพิจารณาที่ไม่เป็นไปตามหลักวิธีพิจารณาความอาญา
ปัญหาว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้คู่ความถือเอาคำให้การของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาเป็นส่วนหนึ่งของคำเบิกความในชั้นพิจารณาแล้วให้ทนายจำเลยที่ 1 ถามค้าน เป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172 วรรคหนึ่ง เพราะไม่ได้กระทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลยหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ก็สามารถยกขึ้นเป็นเหตุฎีกาได้ และคู่ความฝ่ายที่เสียหายจากการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบอาจยกปัญหานั้นขึ้นว่ากล่าวได้ในเวลาใดๆ ก่อนศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ก่อนเบิกความโจทก์เป็นฝ่ายเสนอโดยแถลงว่าจะขอถือคำให้การพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นคำให้การของพยานในชั้นพิจารณาเพราะทนายโจทก์จะถามพยานเช่นเดียวกับในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยทั้งสามยอมรับ และศาลชั้นต้นอนุญาตให้คู่ความปฏิบัติตามที่ตกลงกัน โดยทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านและทนายโจทก์ถามติงแล้วต่างฝ่ายต่างสืบพยานมาจนเสร็จสิ้น โจทก์ไม่เคยโต้แย้งคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งการดำเนินกระบวนพิจารณาในการสืบพยานปากนั้นเป็นการกระทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลยเพียงแต่โจทก์ขอให้ถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นคำเบิกความในชั้นพิจารณา ก็เป็นวิธีการของโจทก์เองที่เลือกเสนอพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยด้วยวิธีนี้ ศาลไม่มีหน้าที่ต้องทักท้วงเสนอแนะว่าพยานหลักฐานเช่นนี้ใช้ลงโทษจำเลยได้หรือไม่ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15