พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ถูกยักยอก การซื้อขายโดยสุจริต และสิทธิในการเรียกร้องค่าทรัพย์สินส่วนแบ่ง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันพิพาทพร้อมตัวถังและอุปกรณ์ตามฟ้องหรือไม่คดีย่อมมีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกคันพิพาทโดยซื้อมาจากเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ซื้อมาจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ขายมิใช่เจ้าของที่แท้จริง แม้โจทก์จะรับซื้อไว้โดยสุจริตโจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 การที่เจ้าของและเจ้าพนักงานยึดรถยนต์บรรทุกคันพิพาทคืนจากโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกซึ่งไม่มีตัวถัง แต่โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างให้ต่อตัวถังขึ้น ตัวรถยนต์บรรทุกถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธาน จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของทรัพย์ที่รวมเข้ากันนั้นแต่ผู้เดียว เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคารถยนต์บรรทุกทั้งคันอันเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งคือค่าต่อตัวถังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ขายมิใช่เจ้าของที่แท้จริง แม้โจทก์จะรับซื้อไว้โดยสุจริตโจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 การที่เจ้าของและเจ้าพนักงานยึดรถยนต์บรรทุกคันพิพาทคืนจากโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกซึ่งไม่มีตัวถัง แต่โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างให้ต่อตัวถังขึ้น ตัวรถยนต์บรรทุกถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธาน จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของทรัพย์ที่รวมเข้ากันนั้นแต่ผู้เดียว เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคารถยนต์บรรทุกทั้งคันอันเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งคือค่าต่อตัวถังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระเงิน: สิทธิจำเลยในการยึดรถคืนและการชดใช้ค่าตัวถัง
โจทก์เช่าซื้อรถจากจำเลย การที่โจทก์มิได้ชำระเงินงวด 1 ตามสัญญาถือว่าโจทก์ผิดนัดผิดสัญญา. ฝ่ายจำเลยย่อมมีสิทธิริบเงินดาวน์ และยึดรถพิพาทคืนตามข้อตกลงโดยชอบด้วยกฎหมาย. แม้โจทก์จะได้รับความเสียหาย. จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน.
แม้เอกสาร ล.1 จะระบุว่า 'ใบสั่งขาย' แต่ข้อความที่ปรากฏมีชัดว่าเป็นการเช่าซื้อ ก็ย่อมเป็นสัญญาเช่าซื้อ.
สัญญาเช่าซื้อรถระบุว่า ถ้าผิดนัดชำระเงินงวดใดงวดหนึ่งยอมให้ยึดรถคืน. ดังนี้เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระเงินงวดที่ 1 ผู้ให้เช่าซื้อก็มีสิทธิยึดรถคืนได้ (อ้างฎีกาที่ 1192/2501). และการยึดรถพิพาทคืน ย่อมรวมถึงตัวถังรถซึ่งเป็นส่วนควบด้วย แต่ผู้ให้เช่าซื้อต้องชดใช้ราคาตัวถังรถให้แก่ผู้เช่าซื้อ เมื่อหักค่าเสื่อมราคาจากราคาค่าต่อตัวถังแล้ว.
แม้เอกสาร ล.1 จะระบุว่า 'ใบสั่งขาย' แต่ข้อความที่ปรากฏมีชัดว่าเป็นการเช่าซื้อ ก็ย่อมเป็นสัญญาเช่าซื้อ.
สัญญาเช่าซื้อรถระบุว่า ถ้าผิดนัดชำระเงินงวดใดงวดหนึ่งยอมให้ยึดรถคืน. ดังนี้เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระเงินงวดที่ 1 ผู้ให้เช่าซื้อก็มีสิทธิยึดรถคืนได้ (อ้างฎีกาที่ 1192/2501). และการยึดรถพิพาทคืน ย่อมรวมถึงตัวถังรถซึ่งเป็นส่วนควบด้วย แต่ผู้ให้เช่าซื้อต้องชดใช้ราคาตัวถังรถให้แก่ผู้เช่าซื้อ เมื่อหักค่าเสื่อมราคาจากราคาค่าต่อตัวถังแล้ว.