คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่ารถยนต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกร้องค่ารถยนต์เช่าซื้อ: ศาลฎีกาห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงหากศาลอุทธรณ์แก้ไขเพียงเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้นว่าโจทก์ฟ้องเรียกราคารถยนต์คันพิพาท มิใช่ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทที่ค้างชำระ เพียงแต่พิพากษาแก้เฉพาะดอกเบี้ยก่อนฟ้อง ย่อมเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทที่ค้างชำระ เมื่อมิได้ฟ้องเรียกร้องภายใน 2 ปี คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(6) แม้ข้ออ้างในฎีกาของจำเลยที่ 1 จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 1 ที่ว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทที่ค้างชำระ ซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาแล้ว เพื่อสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3056/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินช่วยเหลือค่ารถยนต์ของพนักงานระดับกลาง ไม่ถือเป็นค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน จึงไม่นำมาคำนวณค่าชดเชยได้
พนักงานบริหารของจำเลยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือระดับต้นระดับกลางและระดับสูง ทุกระดับต้องมีรถยนต์ใช้ในการทำงานให้จำเลย จำเลยช่วยเหลือในเรื่องนี้คือ ระดับต้นให้เงินกู้ซื้อรถยนต์ ระดับกลางเช่นโจทก์ให้เงินค่าระดับบริหารเป็นการจ่ายเหมาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในเรื่องของรถยนต์ทั้งหมด โดยจ่ายให้เป็นการประจำและมีจำนวนแน่นอน หากเดินทางโดยเครื่องบินหรือรถไฟก็สามารถเบิกจากจำเลยได้ตามระเบียบเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ส่วนระดับสูงจำเลยจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้โดยไม่จ่ายเงินค่าระดับบริหารให้อีกดังนั้นประโยชน์ของพนักงานบริหารระดับต้นและระดับสูงที่ได้รับไม่เป็นตัวเงินที่จะนำมาเป็นฐานคำนวณสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับตามกฎหมายแรงงานได้จึงเป็นเรื่องของสวัสดิการอย่างแน่ชัด ส่วนประโยชน์ที่พนักงานบริหารระดับกลางจะได้รับเป็นตัวเงินเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์นั้น ถือได้ว่าเป็นค่าช่วยเหลือหรือเป็นเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการใช้รถยนต์เพื่อทำงานให้จำเลย ไม่ใช่เงินตอบแทนการทำงานโดยตรง แต่เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่งจ่ายให้ตามลำดับความสำคัญของตำแหน่ง หากถือเป็นค่าตอบแทนในการทำงานแล้วพนักงานบริหารระดับต้นและระดับสูงย่อมจะเสียเปรียบระดับกลางเงินค่าระดับบริหารที่โจทก์ได้รับจึงไม่ใช่ค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน ไม่อาจนำมารวมกับเงินเดือนเพื่อคำนวณเป็นค่าชดเชยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8211/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินช่วยเหลือค่ารถยนต์สำหรับผู้บริหาร ไม่ถือเป็นค่าจ้างที่ต้องนำไปคำนวณค่าชดเชย
จำเลยเคยจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้แก่โจทก์ซึ่งทำงานในตำแหน่งผู้จัดการภาคใต้ ต่อมาจำเลยยกเลิกรถยนต์ประจำตำแหน่งของโจทก์เนื่องจากมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ตามนโยบายของจำเลย แล้วจำเลยได้จ่ายเงินให้โจทก์ในอัตราเดือนละ 20,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2545 อันเป็นวันหลังจากที่เรียกรถยนต์ประจำตำแหน่งคืนจากโจทก์เป็นต้นไป เพื่อให้โจทก์นำเงินดังกล่าวไปซื้อหรือเช่ารถยนต์สำหรับใช้งานแทนรถยนต์ประจำตำแหน่งที่เรียกคืน และจำเลยจะจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้พนักงานตำแหน่งระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น รถยนต์ประจำตำแหน่งจึงเป็นสวัสดิการที่จำเลยจัดให้แก่พนักงานที่ทำงานในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อจำเลยเรียกรถยนต์ประจำตำแหน่งคืนแล้วจ่ายเงินเดือนละ 20,000 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อซื้อหรือเช่ารถยนต์สำหรับใช้งานแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง จึงเป็นการจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการเช่นเดียวกัน มิใช่เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายเดือน แม้จะจ่ายเงินดังกล่าวเป็นจำนวนแน่นอนเท่าๆ กันทุกเดือน ก็มิใช่ค่าจ้างที่จะต้องนำไปรวมคำนวณจ่ายเป็นค่าชดเชย