พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7518/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และการพิสูจน์การผิดสัญญาเช่า รวมถึงข้อจำกัดการฎีกาในคดีค่าเช่าต่ำ
ที่จำเลยฎีกาว่า เอกสารที่จำเลยขอระบุพยานเพิ่มเติมเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ศาลจะอนุญาตและรับฟัง และจำเลยไม่ผิดสัญญาเช่านั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลที่เห็นว่า เอกสารที่จำเลยขอระบุพยานเพิ่มเติมเป็นสัญญาเช่าบ้านซึ่งไม่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทไม่มีความจำเป็นจะต้องสืบเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนไป เนื่องจากข้อเท็จจริงฟังยุติแล้วว่าจำเลยนำที่ดินพิพาทไปให้เช่าช่วง จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไป จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินที่เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์โดยมิได้เรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย แม้จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างพิจารณา จำเลยก็ต่อสู้คดีได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินของโจทก์แล้วได้นำที่ดินไปให้บุคคลภายนอกเช่าช่วง โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบและไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ อันเป็นการผิดสัญญา ซึ่งเป็นการแสดงถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอให้บังคับจำเลยออกไปจากที่ดิน อันเป็นคำขอบังคับครบถ้วนตามป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสองแล้ว ส่วนการกระทำของจำเลยที่ว่านำที่ดินให้ผู้ใดเช่าและเป็นการผิดสัญญาข้อใดนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบให้เห็นได้ในชั้นพิจารณา ไม่จำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้อง คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินที่เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์โดยมิได้เรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย แม้จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างพิจารณา จำเลยก็ต่อสู้คดีได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินของโจทก์แล้วได้นำที่ดินไปให้บุคคลภายนอกเช่าช่วง โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบและไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ อันเป็นการผิดสัญญา ซึ่งเป็นการแสดงถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและขอให้บังคับจำเลยออกไปจากที่ดิน อันเป็นคำขอบังคับครบถ้วนตามป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสองแล้ว ส่วนการกระทำของจำเลยที่ว่านำที่ดินให้ผู้ใดเช่าและเป็นการผิดสัญญาข้อใดนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบให้เห็นได้ในชั้นพิจารณา ไม่จำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้อง คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า: สิทธิครอบครองของผู้ให้เช่าแม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ และข้อจำกัดการอุทธรณ์/ฎีกาในคดีค่าเช่าต่ำ
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาทและเป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ ก็ถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกา
ผู้มีชื่อยกตึกพิพาทให้บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ได้เข้าครอบครอง ตึกพิพาทและให้จำเลยเช่า ถึงหากการยกให้จะมิได้ทำถูกต้องตามแบบ แต่บิดาโจทก์ได้เข้าครอบครองตึกพิพาทนั้นแล้ว ย่อมได้สิทธิครอบครองและอาจได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครอง จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าและเข้าอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสิทธิบิดาโจทก์ จะกล่าวอ้างว่าผู้ให้เช่าไม่ใช่เจ้าของทรัพย์หรือไม่มีสิทธิในทรัพย์ที่เช่าโดยสมบูรณ์หาได้ไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 133 เมื่อบิดาโจทก์ตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดกย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ผู้มีชื่อยกตึกพิพาทให้บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ได้เข้าครอบครอง ตึกพิพาทและให้จำเลยเช่า ถึงหากการยกให้จะมิได้ทำถูกต้องตามแบบ แต่บิดาโจทก์ได้เข้าครอบครองตึกพิพาทนั้นแล้ว ย่อมได้สิทธิครอบครองและอาจได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครอง จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าและเข้าอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสิทธิบิดาโจทก์ จะกล่าวอ้างว่าผู้ให้เช่าไม่ใช่เจ้าของทรัพย์หรือไม่มีสิทธิในทรัพย์ที่เช่าโดยสมบูรณ์หาได้ไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 133 เมื่อบิดาโจทก์ตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดกย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องห้ามในข้อเท็จจริง กรณีค่าเช่าต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด แม้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านเช่าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 95 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเว้นแต่จะมีการรับรองหรืออนุญาตให้อุทธรณ์ได้
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งไม่อาจทำให้จำเลยชนะคดีได้ ย่อมไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ซึ่งต้องห้าม และศาลอุทธรณ์พิพากษายกก็เป็นความบกพร่องของผู้อุทธรณ์เอง
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งไม่อาจทำให้จำเลยชนะคดีได้ ย่อมไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ซึ่งต้องห้าม และศาลอุทธรณ์พิพากษายกก็เป็นความบกพร่องของผู้อุทธรณ์เอง