พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลังทำสัญญาถือเป็นการผิดสัญญา
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุว่า โจทก์จะต้องก่อสร้างผนังด้านหลังชั้น 2 กว้าง 10 เมตร สูง 7 เมตร ทำระเบียงชั้น 2 ด้านหน้า พร้อมทั้งเสาหินอ่อน 2 ต้น ขนาดกว้าง 10 เมตร สูง 3 เมตร โดยไม่คิดค่าแรงเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม ดังนั้น ที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือระบุให้โจทก์กระทำการดังกล่าว จึงเป็นการกำหนดให้โจทก์ปฏิบัติการชำระหนี้นอกเหนือไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะกระทำได้ การที่โจทก์หยุดการทำงานเพราะเหตุดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเหมางานเพิ่มเติม-เปลี่ยนแปลง การตกลงเป็นหนังสือสำคัญ หากไม่มีสัญญาเพิ่มเติมก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง
โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาปรับปรุงที่ดินกับจำเลยที่2 ตามสัญญากำหนดวิธีการถมให้โจทก์ปฏิบัติไว้ เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้วเกิดขัดข้องไม่สามารถทำงานต่อไปได้ โจทก์เลือกทำงานต่อไปโดยวิธีการใหม่โดยไม่รอทำความตกลงกับจำเลยที่ 2 อันเป็นการทำงานเพิ่มเติมจากข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งตามสัญญากำหนดไว้ว่าการเพิ่มเติมงาน จักต้องคิดและตกลงราคากันใหม่ ถ้าจักต้องเพิ่มค่าจ้างก็ต้องทำความตกลงกันเป็นหนังสือไว้ต่อกัน เมื่อโจทก์มิได้ตกลงกับจำเลยที่ 2 เป็นหนังสือ จึงนับว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ยังมิได้มีสัญญาต่อกันในส่วนที่โจทก์ทำงานเพิ่มเติมนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 366 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างเพิ่มเติมจากจำเลยที่ 2.