พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7685/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษจำคุกรอการลงโทษ กรณีกระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลาที่กำหนด
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี และจำเลยได้กระทำผิดคดีนี้อีกภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษไว้ ฉะนั้น แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและมิได้ขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับคดีนี้มาท้ายฟ้อง แต่ก็เป็นกรณีที่ความปรากฏแก่ศาล ตาม ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงให้นำโทษจำคุก 3 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7616/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำคุกรอการลงโทษและการเพิกถอนการรอการลงโทษเมื่อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมประพฤติ คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 4 ไว้ 1 ปี ต่อมาจำเลยที่ 4 ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกที่รอไว้แก่จำเลยที่ 4 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงเป็นอันถึงที่สุด ตาม พ.ร.บ. วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง จำเลยที่ 4 จะฎีกาต่อมาไม่ได้ แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำสั่งศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยที่ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็หาทำให้คดีของจำเลยที่ 4 ซึ่งถึงที่สุดแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นไม่ถึงที่สุดไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษจำคุกรอการลงโทษในคดีก่อน ต้องมีการพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ขอให้ศาลนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในดคีที่โจทก์ฟ้องด้วย ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องและเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องเท่านั้น มิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้องและโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบพยานให้ปรากฏ แม้รายการประวัติอาชญากรที่พนักงานคุมประพฤติส่งต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับรายงานการสืบเสาะจะระบุรายการตรงกับที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้อง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจคัดค้านกรณียังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีก่อนตามรายการประวัติอาชญากร จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง จะนำโทษในคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษในคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8916/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในฟ้อง และการบวกโทษจำคุกรอการลงโทษในคดีก่อน
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 15 วัน และปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี ข้อหาทำร้ายร่างกาย ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าว จำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีก เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องทั้งหมดให้จำเลยฟัง จำเลยก็ได้ให้การว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการทนายและขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ดังนั้น คำให้การจำเลยที่รับสารภาพตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกและศาลรอการลงโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องด้วยนั่นเอง จึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้