คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำหน้าคนร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวบุคคลผู้กระทำผิดในคดีชิงทรัพย์ ผู้เสียหายไม่สามารถจำหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจนเนื่องจากสถานการณ์และสภาพร่างกาย
ผู้เสียหายถูกชกต่อยทุบทำร้ายบริเวณใบหน้าถึง 10 กว่าครั้ง ย่อมได้รับความปวดเจ็บ ไม่น่าจะมองเห็นได้ถนัดชัดเจน ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน 2 นาฬิกาเศษแสงไฟฟ้าบริเวณที่เกิดเหตุมีเพียงหลอดไฟฟ้าขนาดเล็กเพียง 20 วัตต์ 2 หลอด ที่หน้าบ้านผู้เสียหายและ บ้านข้างเคียงไม่น่าจะสว่างเพียงพอให้เห็นได้ชัดเจน ทั้งปรากฏว่าคนร้ายสวมหมวกแก๊ป แสงสว่างของไฟฟ้า ที่อยู่ใต้กันสาดบ้านผู้เสียหายและบ้านข้างเคียงย่อมอยู่สูง กว่าศีรษะของคนร้ายทำให้เกิดเงามืดบริเวณใบหน้าคนร้าย ที่สวมหมวกแก๊ป ดังกล่าว ผู้เสียหายย่อมไม่อาจมองเห็น ใบหน้าคนร้ายได้ถนัดชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะเวลา ตั้งแต่คนร้ายลงมาล็อกคอจนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปนั้น ผู้เสียหายเบิกความว่าเป็นเวลาประมาณ 1 นาที เท่านั้น เมื่อผู้เสียหายซึ่งไม่เคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อนและ ถูกทำร้ายทั้งชกต่อยทุบและกระทืบบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง จนได้รับอันตรายสาหัสจึงไม่น่าจะมีโอกาสเห็นและจำหน้า คนร้ายได้ ประกอบกับการสอบปากคำผู้เสียหายในครั้งแรกผู้เสียหายกล่าวว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้ และยืนยันว่าผู้เสียหายไม่ยอมชี้ตัวคนร้าย ดังนี้พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้น จึงไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกชิงทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับฟังคำให้การชั้นสอบสวนประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ แม้ผู้เสียหายไม่จำหน้าคนร้ายได้ เหตุเกิดนานปี
แม้ในชั้นพิจารณาผู้เสียหาย ส. ร. และ พ. เบิกความว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้เพราะเกิดเหตุมานานสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็มีคำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ส. ร. และ พ. ซึ่งคำให้การดังกล่าวระบุรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสอดคล้องต้องกัน โดยเฉพาะผู้เสียหายไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนแต่ก็ให้การถึงรูปพรรณสัณฐานของจำเลยไว้โดยละเอียด อีกทั้งคำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ร. และ พ. พนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.อ. มาตรา 133 ทวิ ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่งขึ้นเอง แม้บันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวจะเป็นพยานบอกเล่า แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่านั้นน่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ จึงรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226/3 วรรคสอง (1) แม้จำเลยจะไม่มีทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจของจำเลยเข้าร่วมในการสอบสวน แต่ตามบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยระบุว่าก่อนสอบปากคำ พนักงานสอบสวนถามจำเลยว่าต้องการพบทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบสวนหรือไม่ อย่างไร จำเลยตอบว่าไม่ต้องการ ดังนี้ แสดงว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิดังกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยสละสิทธิในการมีทนายความ เมื่อคดีมีเพียงอัตราโทษจำคุกไม่ใช่มีอัตราโทษประหารชีวิต กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องจัดหาทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบสวนให้แก่จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134/1 วรรคสอง