พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5333/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยกเหตุต่อสู้ชัดเจนว่ารถไม่อยู่ในอาคาร และไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ ทำให้ศาลฎีกายกฟ้อง
การที่จะพิจารณาว่าคำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นคำให้การที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาทั้งหมด คำให้การของจำเลยที่ 1 ในข้อ 3 และคำให้การจำเลยที่ 2 ในข้อ 4 ต่อสู้ว่า รถยนต์คันพิพาทมิได้เข้าไปจอดในอาคารในช่วงที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเกิดเหตุคดีนี้ และจำเลยทั้งสองให้การต่อไปว่า จำเลยทั้งสองไม่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบรถยนต์ที่เข้าไปจอดภายในอาคารดังกล่าว ซึ่งหมายถึงความรับผิดตามกฎหมายกรณีรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในอาคารดังกล่าวสูญหายไป คำให้การของจำเลยทั้งสองชี้ชัดว่า จำเลยทั้งสองยกเหตุขึ้นต่อสู้ 2 ประการ คือ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดต่อ ร. หาก ร. นำรถพิพาทเข้าไปจอดในอาคารแล้วสูญหาย และ ร. ก็มิได้นำรถพิพาทเข้าไปจอดภายในอาคาร จึงเป็นคำให้การที่ชัดแจ้ง รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง หาใช่เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเองไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดี: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่จำเลยต่อสู้เท่านั้น
ตามคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทของโจทก์แล้วหรือไม่ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทเป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองของโจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้และนอกเหนือจากประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5290/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อพิพาทเกินกรอบประเด็นที่จำเลยต่อสู้ ถือเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้าง โดยอ้างว่าจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยให้การแต่เพียงว่าค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมานั้นสูงเกินความเป็นจริงโดยมิได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามฟ้องโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามฟ้องหรือไม่และถือว่าจำเลยรับว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแก่โจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยว่าสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงเป็นการหยิบยกข้อเท็จจริงที่ถือว่าจำเลยรับแล้วขึ้นวินิจฉัยอันเป็นการนอกเหนือประเด็นที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการนำสืบพยานเมื่อจำเลยต่อสู้คดีและอ้างเหตุผลแล้ว ศาลต้องอนุญาตให้สืบพยานได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำปลอมหนังสือมอบอำนาจว่าผู้ตายให้จำเลยโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนังสือมอบอำนาจของผู้ตายเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องแท้จริงอันมีเหตุอยู่ในตัวแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่ใช่เอกสารปลอมและได้ให้การไว้ในตอนต้นถึงเหตุที่ผู้ตายโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยเพราะเดิมผู้ตายถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนบิดาและจำเลยคำให้การของจำเลยได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้แล้ว จำเลยจึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่แท้จริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการชำระค่าจ้างว่าความนอกประเด็นฟ้อง, การวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินเลยขอบเขตที่จำเลยต่อสู้
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความ จำเลยให้การว่าตกลงค่าจ้างไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง โดยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ได้ชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์ไปบางส่วน จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในข้อนี้ ศาลวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินบางส่วนตามที่จำเลยนำสืบ เป็นการนอกประเด็น จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเมื่อวัตถุประสงค์บริษัทเปลี่ยนแปลง: จำเลยยกข้อต่อสู้มิได้
แม้ขณะที่บริษัทโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับจำเลยวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทโจทก์ยังมิได้ระบุให้ประกอบกิจการเป็นผู้ให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ได้แต่เมื่อจำเลยให้การและนำสืบรับว่าบริษัทโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กันจริงจำเลยจะโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะการให้เช่าซื้อรถยนต์อยู่นอกขอบวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า การทำสัญญาเช่าซื้ออยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของโจทก์ และมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ แล้ววินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าการทำสัญญาให้เช่าซื้ออยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยไม่อาจยกข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้เช่าซื้อขึ้นต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์.
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า การทำสัญญาเช่าซื้ออยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของโจทก์ และมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ แล้ววินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าการทำสัญญาให้เช่าซื้ออยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยไม่อาจยกข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้เช่าซื้อขึ้นต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุรายละเอียดเงินขาดบัญชี เพราะจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้และรู้รายละเอียด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลังและคณะกรรมการรับผิดชอบเก็บรักษาเงินของโจทก์ มีความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เป็นเหตุให้ ส. ยักยอกเอาเงินดังกล่าวของโจทก์อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยและพวกไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่ เคลือบคลุมแต่อย่างใด โจทก์หาจำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงจำนวนเงินนี้โดยละเอียดว่าเป็นค่าอะไรบ้างและแต่ละจำนวนเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์นำสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณาของศาล และจำเลยก็มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างค่าจ้างต่อเติมนอกแบบที่ไม่ต้องบรรยายในคำฟ้อง หากจำเลยยกข้อต่อสู้เรื่องการชำระหนี้แล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างก่อสร้างอาคารที่ค้างชำระ กับอ้างว่าจำเลยยังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรวมสิบรายการจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระให้ครบถ้วนแล้ว และนำสืบถึงการชำระเงินให้โจทก์สี่ครั้ง โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบว่าการชำระหนี้ดังกล่าวของจำเลยเป็นการชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบครั้งที่หนึ่ง ไม่ใช่การชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรายที่ฟ้องอันเป็นการนำสืบหักล้างโดยไม่จำต้องกล่าวบรรยายไว้ในคำฟ้อง และไม่ถือว่าเป็นการสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของวันกระทำผิดในฟ้อง ไม่ถือเป็นข้อสารสำคัญ ศาลลงโทษได้หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในวันที่4 มิถุนายน 2522 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 14 มิถุนายน 2522 ดังนี้ เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10)พ.ศ.2522 มาตรา 5 บัญญัติว่ามิให้ถือว่าต่างกันในข้อสารสำคัญ เมื่อ จำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ขาดตัดสินนอกประเด็น: ศาลมิควรวินิจฉัยประเด็นที่จำเลยมิได้ต่อสู้ไว้
คำให้การของจำเลยต่อสู้เพียงว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่พิพาท คดีจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่เท่านั้น จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าจนหมดสิทธิในที่พิพาท และที่พิพาทได้ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ฉะนั้น ปัญหาที่ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่พิพาทหรือปล่อยให้ที่พิพาทรกร้างว่างเปล่า จนตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลชั้นต้นยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัย จึงเป็นการชี้ขาดตัดสินนอกประเด็น