คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลยไม่ทราบคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนบังคับคดีเมื่อจำเลยไม่ทราบคดีและศาลบังคับคดีไม่เป็นไปตามคำพิพากษา
ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า การดำเนินคดีของโจทก์ตั้งแต่ฟ้องจนมีการบังคับคดี จำเลยไม่ทราบเพราะจำเลยไปอยู่ที่อื่น เพิ่งทราบเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยในวันที่ 7 เมษายน 2511 แล้วในวันที่ 22 เดือนเดียวกันจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ จึงเป็นการยื่นคำขอภายใน 15 วันนับแต่วันที่จำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์ เพราะก่อนนั้นเป็นเวลาที่จำเลยยังไม่ทราบอันเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้(อ้างฎีกาที่ 1296/2510)
แม้ศาลยังมิได้อนุญาตในการที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่แต่โจทก์ก็ได้ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีข้ามขั้นไม่เรียงตามลำดับใน คำพิพากษา คือศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ และให้จำเลยรับเงินที่ยังเหลือ 2,000 บาทจากโจทก์ หากจำเลยไม่จัดการโอนให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 13,000 บาท และให้จำเลยเสียค่าปรับอีก13,000 บาทแก่โจทก์ จึงต้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินและรับเงินจากโจทก์เสียก่อน แต่โจทก์กลับขอให้ยึดที่ดินของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ทีเดียว และศาลชั้นต้นได้สั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย เป็นการปฏิบัติที่มิได้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเป็นขั้น ๆ จึงเป็นกรณีที่ดำเนินการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษาศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนบังคับคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบคดีและศาลบังคับคดีข้ามขั้นตอน
ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า. การดำเนินคดีของโจทก์ตั้งแต่ฟ้องจนมีการบังคับคดี. จำเลยไม่ทราบ.เพราะจำเลยไปอยู่ที่อื่น. เพิ่งทราบเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยในวันที่ 7 เมษายน2511. แล้วในวันที่ 22 เดือนเดียวกันจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่. จึงเป็นการยื่นคำขอภายใน 15วันนับแต่วันที่จำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์. เพราะก่อนนั้นเป็นเวลาที่จำเลยยังไม่ทราบ. อันเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.
แม้ศาลยังมิได้อนุญาตในการที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่. แต่โจทก์ก็ได้ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีข้ามขั้นไม่เรียงตามลำดับในคำพิพากษา. คือศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ และให้จำเลยรับเงินที่ยังเหลือ 2,000 บาทจากโจทก์. หากจำเลยไม่จัดการโอน. ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 13,000 บาท. และให้จำเลยเสียค่าปรับอีก 13,000 บาทแก่โจทก์. จึงต้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินและรับเงินจากโจทก์เสียก่อน. แต่โจทก์กลับขอให้ยึดที่ดินของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ทีเดียว. และศาลชั้นต้นได้สั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย. เป็นการปฏิบัติที่มิได้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเป็นขั้นๆ. จึงเป็นกรณีที่ดำเนินการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา. ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.