พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจผู้จัดการกิจการโรงเรียนเมื่อจำเลยไม่อยู่ การดำเนินการเกินอำนาจที่ศาลแต่งตั้ง
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจัดการกิจการโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทราแทนจำเลยผู้ไม่อยู่ชั่วคราวจนกว่าจำเลยจะกลับมา และผู้ร้องได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการกิจการของโรงเรียนดังกล่าว ผู้ร้องย่อมมีอำนาจจัดการแต่เฉพาะในกิจการของโรงเรียนเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 48 วรรคหนึ่งหาใช่กรณีที่ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยผู้ไม่อยู่ตามมาตรา 48 วรรคสองอันจะทำให้ผู้ร้องมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไม่ แม้ในเหตุฉุกเฉินผู้ร้องก็ไม่อาจจะก้าวล่วงไปจัดการในกิจการอื่นของจำเลยได้ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนเทคโนโลยีระยองเฉลิมพระเกียรติแทนจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3336/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหนังสือแจ้งยึดทรัพย์ทางวิธีประกาศเมื่อส่งทางธรรมดาไม่ได้ ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในประเทศ
หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 ไว้แล้ว ได้มีหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ 4 เพื่อทราบโดยไปส่งที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แต่ส่งหนังสือ ดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ไม่ได้เพราะไม่พบตัวและไม่มีผู้ใดรับแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่ง+ถ้าไม่มีผู้ใดรับโดยชอบให้ปิดหมายได้ปรากฏว่าพบผู้มีชื่อที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แจ้งว่าจำเลยที่ 4 ไม่อยู่โดยได้ย้ายออกจากบ้านเรือนไปนานแล้ว โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ดังนี้ ถือได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ได้ จำเลยที่ 4 ไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีส่งธรรมดา จึงต้องส่งโดยวิธีอื่นแทนดังระบุไว้ในประมวลกำหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคแรก เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งหนังสือดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ จึงเห็นการใช้ดุลพินิจสั่งตามที่เห็นสมควรชอบด้วยกฎหมายแล้ว และประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ได้ เมื่อกำหนด 15 วัน ได้ล่วงพ้นไปแล้ว ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 79 วรรคสอง ทนายจำเลยที่ 4 จะคัดค้านว่าจำเลยที่ 4 มิได้อยู่ในประเทศไทยเพราะเดินทางไปต่างประเทศแล้วจะถือว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาด: การไม่แจ้งการยึดทรัพย์เนื่องจากจำเลยไม่อยู่ มิอาจยกเลิกการขายได้
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของจำเลย และได้ประกาศการยึดและวันขายทอดตลาดให้จำเลยทราบตามกฎหมายแล้ว จำเลยจะอ้างเหตุแต่เพียงว่าไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดนั้น ไม่ชอบ
การขายทอดตลาดได้กระทำโดยทีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคาเป็นการชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาพอสมควรจึงได้ตกลงขายไป การขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปแล้วโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใด จำเลยจะมารื้อฟื้นขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ขายไปแล้วมาขายทอดตลาดใหม่ โดยอ้างว่าขายได้ราคาต่ำไปนั้น หาได้ไม่
เมื่อมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
การขายทอดตลาดได้กระทำโดยทีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคาเป็นการชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาพอสมควรจึงได้ตกลงขายไป การขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปแล้วโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใด จำเลยจะมารื้อฟื้นขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ขายไปแล้วมาขายทอดตลาดใหม่ โดยอ้างว่าขายได้ราคาต่ำไปนั้น หาได้ไม่
เมื่อมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่ในอำนาจศาล: การส่งหมายและสำเนาฎีกาที่บ้านจำเลยไม่เพียงพอหากจำเลยไม่อยู่
คดีอาญานั้น ถ้าในชั้นฎีกา ปรากฎว่าจำเลยไม่มีตัวอยู่ ณ บ้านเรือนของจำเลยแม้ศาลชั้นต้นสั่งปิดหมายและสำเนาฎีกาไว้ที่เรือนของจำเลยก็ยังไม่พอถือว่าจำเลยได้อยู่ในอำนาจศาล ศาลฎีกาจึงต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบ