คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จุดเริ่มต้น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีซื้อขายที่ดิน: การส่งมอบที่ดินเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
โจทก์ทั้งสองกับจำเลยไปทำหนังสือขายที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ ที่ว่าการอำเภอในวันที่18 เมษายน 2529 จึงต้องฟังว่าโจทก์ทั้งสองได้รับมอบที่ดินจากการซื้อขายที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ที่ 1มิได้นำสืบข้อเท็จจริงว่ามีสัญญาการส่งมอบที่ดินซื้อขายเป็นอย่างอื่น ที่โจทก์ที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 เพิ่งทราบถึงความบกพร่องขาดจำนวนของเนื้อที่ดินในวันที่ 9 มีนาคม 2530 อันเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ที่ดินได้แจ้งผลแห่งการรังวัดที่ดินให้โจทก์ที่ 1ทราบ ถือเป็นปริยายว่า โจทก์ที่ 1 เพิ่งได้รับส่งมอบที่ดินในวันดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้ส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองในวันที่ 18เมษายน 2529 แต่โจทก์ที่ 1 นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2530เกินกำหนดเวลาปีหนึ่งแล้ว ฟ้องของโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความตามป.พ.พ. มาตรา 467.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน: การแจ้งการครอบครองเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
มารดาโจทก์จำเลยถึงแก่ความตายเมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากมารดาถึงแก่ความตายไปได้ประมาณ 5 เดือน โจทก์ได้บอกจำเลยว่ามารดาทำพินัยกรรมยกที่พิพาทตาม ส.ค.1 เลขที่ 27 ให้โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป จำเลยโต้แย้งว่ามารดายกที่ดินให้จำเลยแล้วจำเลยไม่ยอมมอบที่ดินให้โจทก์ ถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์นับแต่วันนั้น โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2527 เป็นเวลาเกิน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาคืนการครอบครอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3928/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดจากการก่อสร้างถนน: การพิจารณาจุดเริ่มต้นความเสียหายต่อเนื่อง
วันที่จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่วันใดไม่ปรากฏแต่บันทึกความเสียหายที่จำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ไว้ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2522 และหลังจากนั้นปรากฏว่าบ้านของโจทก์ยังเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีกเรื่อย ๆ แม้จำเลยจะมีหลักฐานการรับมอบงานช่วงหน้าบ้านโจทก์แสดงว่าจำเลยที่ 1 ก่อสร้างถนนในส่วนวางท่อระบายน้ำ ถมทรายบนท่อ พร้อมทั้งบดอัดแน่น และทำผิวจราจรถมทรายและบดอัดแน่นเสร็จตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2522 แล้วก็ตามแต่หลังจากวันที่ 8 ธันวาคม 2522 ยังมีการทำถนนบริเวณหน้าบ้านโจทก์ต่อไป การที่บ้านโจทก์ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่8 ธันวาคม 2522 จึงสืบเนื่องมาจากการทำถนนของจำเลยที่ 1 นั่นเองโจทก์ให้ช่างซ่อมตัวบ้านไม่ให้ทรุด ลงอีกในปลายปี 2523 และฟ้องคดีนี้วันที่ 23 เมษายน 2524 ยังไม่พ้นเวลา 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5142/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิด: การรับรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิดเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
เมื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้รับผิดในทางแพ่งจนทราบว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดในทางแพ่งและรายงานข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และในวันที่ 8 มกราคม 2544 ธ. ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 8 รักษาราชการแทนรองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวง ได้ลงนามในหนังสือทวงถามให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ ซึ่งมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ก่อให้เกิดเหตุละเมิดคิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 31,373.75 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ กรณีจึงถือได้ว่า ธ. ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 8 รักษาราชการแทนรองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงซึ่งในขณะนั้นอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนและเป็นผู้แสดงเจตนาอันเป็นความประสงค์ของโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคือจำเลยทั้งสองตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2544 ดังนั้น เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยทั้งสองในวันที่ 6 มกราคม 2546 อันเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี คดีโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคหนึ่ง