พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานรับฟังได้ ชี้ตัวผู้กระทำผิด พยานเบิกความสอดคล้องกัน ยืนยันความผิดฐานชิงทรัพย์
แม้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายไปก่อนมาเบิกความเป็นพยานในชั้นพิจารณา แต่โจทก์อ้างส่งบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยานโดยมีพนักงานสอบสวนผู้สอบปากคำผู้เสียหายมาเบิกความประกอบและรับรองเอกสารดังกล่าว ผู้เสียหายให้การต่อพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง และไปให้การทันทีหลังจากไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลแล้ว จึงไม่มีเวลาและโอกาสคิดปรุงแต่งเรื่องเพื่อกลั่นแกล้งให้การปรักปรำจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายเคยมีสาเหตุโกรธเคืองหรือมีเหตุอื่นใดที่จะเป็นมูลเหตุจูงใจให้จำต้องให้การเช่นนั้นเชื่อว่าผู้เสียหายให้การในชั้นสอบสวนตามความเป็นจริง เมื่อพนักงานสอบสวนให้ชี้ตัวคนร้ายในคืนเกิดเหตุ ผู้เสียหายก็สามารถชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้อง ทั้งยืนยันว่าสร้อยคอพร้อมพระเครื่องและธนบัตรเป็นของตนโดยจำเลยไม่ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์นอกจากนี้โจทก์ยังมี ธ. และสิบตำรวจโท ป. ซึ่งพบเห็นเหตุการณ์และช่วยกระชากตัวจำเลยและพวกออกจากการทำร้ายผู้เสียหาย คำเบิกความของพยานทั้งสองสอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายพยานหลักฐานของโจทก์ประกอบกันมีเหตุผลและน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย
ที่จำเลยฎีกาว่ามิได้เป็นจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อและให้การรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันโดยสำคัญผิดนั้น จำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นโต้แย้งในศาลชั้นต้น เพิ่งมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ จึงมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ที่จำเลยฎีกาว่ามิได้เป็นจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อและให้การรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันโดยสำคัญผิดนั้น จำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นโต้แย้งในศาลชั้นต้น เพิ่งมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ จึงมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง