พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5421/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการได้รับการช่วยเหลือทางกฎหมาย – การสอบถามทนายความก่อนพิจารณาคดีในศาลแขวง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2539ที่บัญญัติว่า "ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก หรือในคดีที่จำเลย มีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล ก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ทนายความก็ให้ศาลตั้งทนายความให้" เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนด อำนาจหน้าที่ของศาลที่จะต้องสอบถามจำเลยในเรื่องการมีทนายความเสียก่อนในกรณีที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิด ที่มีอัตราโทษจำคุกทุกกรณี และต้องนำมาใช้ในการพิจารณา คดีอาญาทุกคดี ส่วนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 กับพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 ประกอบด้วยมาตรา 22 แม้จะเป็นบทบัญญัติที่ใช้ในศาลแขวงโดยเฉพาะแต่บทบัญญัติดังกล่าว ก็เป็นเพียงบทบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินการของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และวิธีพิจารณาคดีของศาลในกรณีที่จำเลย ให้การรับสารภาพเพื่อให้การพิจารณาคดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว เท่านั้น มิใช่เป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของจำเลยในการดำเนินคดี การต่อสู้คดี และการได้รับความ ช่วยเหลือทางกฎหมายแต่อย่างใด ดังนี้ เมื่อพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงไม่มีบทบัญญัติ ที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของจำเลยในกรณีที่ให้จำเลยมีโอกาส ได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากทนายความในการดำเนินคดี กรณีจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสอง มาใช้บังคับตามนัยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง ดังนี้เมื่อคดีนี้มีอัตราโทษจำคุก แต่ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ และถ้าไม่มี จำเลยต้องการทนายความหรือไม่ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความประกันภัยสะดุดหยุดชะงักเมื่อบริษัทประกันภัยรับสภาพหนี้ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายและช่วยเหลือทางกฎหมาย
โจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์สินรวมระหว่างโจทก์กับ ซ. ไว้แก่จำเลยสำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ชนกับรถยนต์ของห้าง ช. การที่จำเลยยอมชดใช้ค่าซ่อมรถให้แก่ห้าง ช. ยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้บาดเจ็บและมรณะเนื่องจากอุบัติเหตุดังกล่าว และยังเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายกับค่าทนายความให้แก่ ซ.ในคดีที่ห้างช. ฟ้องเรียกค่าเสียหายสำหรับสินค้าที่บรรทุกอยู่ในรถ แสดงว่าจำเลยยอมรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้แก่โจทก์ อันถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์ด้วยการใช้เงินให้บางส่วน หรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องในกรมธรรม์ประกันภัย อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ ซ. ชดใช้ค่าเสียหายของสินค้าที่บรรทุกอยู่ในรถของห้าง ช. เหตุที่ทำให้อายุความตามสิทธิเรียกร้องในกรมธรรม์ประกันภัยสะดุดหยุดลงจึงสุดสิ้นลงในวันที่ศาลพิพากษานั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายในสองปี จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่เพื่อช่วยเหลือทางกฎหมาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานข่มขืนใจ
พฤตตการณ์ที่ไม่ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพ