พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกเงินคืนจากการสัญญาช่วยเหลือทางคดี การฟ้องไม่เคลือบคลุม และไม่ใช่การช่วยเหลือที่ผิดกฎหมาย
ฟ้องเรียกเงินคืนที่โจทก์บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหามาแล้วว่า เมื่อเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2511 ก่อนพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุตรโจทก์ต่อศาล จำเลยได้เรียกเอาเงินโจทก์ไป 2 คราว ๆ ละ 500 บาท โดยจำเลยรับจะช่วยบุตรโจทก์ให้พ้นโทษ โดยจะหาทนายสู้คดีหรือช่วยด้วยวิธีอื่นให้บุตรโจทก์ถูกปล่อย โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป เมื่อบุตรโจทก์ถูกฟ้องศาล จำเลยไม่ช่วยเหลืออย่างใด กลับบอกให้บุตรโจทก์รับสารภาพโดยบอกว่าอายุยังไม่ถึง 20 ปี ศาลไม่ลงโทษ เป็นเหตุให้บุตรโจทก์หลงเชื่อรับสารภาพ ดังนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าจำเลยเรียกเอาเงินจากโจทก์ที่ไหน จำเลยก็เข้าใจฟ้องได้ดีแล้ว เป็นฟ้องไม่เคลือบคลุมและไม่ใช่เป็นฟ้องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพราะไม่ใช่ให้เงินแก่จำเลยเพื่อช่วยเหลือโดยวิธีที่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำไม่เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ เพราะเป็นการแจ้งโทษตามกฎหมายและเสนอความช่วยเหลือทางคดี ไม่มีการข่มขู่ทำอันตราย
การที่จำเลยบอกผู้เสียหายว่า ก. ผู้เสียหายกระทำความผิดที่มีอัตราโทษหนักต้องจำคุกหลายปีและมีโทษปรับเป็นเงินหลายแสนบาท จำเลยสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายให้ไม่ต้องรับโทษหนักและจะดำเนินคดีผู้เสียหายในความผิดที่มีอัตราโทษน้อย แต่ผู้เสียหายต้องชำระเงินให้แก่จำเลย 20,000 บาท มิใช่การขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายถูกเจ้าพนักงานจับกุมดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายอยู่แล้วในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งการจับกุมดำเนินคดีดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหาย จำเลยเพียงแต่บอกให้ผู้เสียหายทราบถึงโทษทัณฑ์ที่จะได้รับตามกฎหมาย และการเรียกเงินของจำเลยก็เพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีมิให้ผู้เสียหายได้รับโทษหนัก ซึ่งหากผู้เสียหายไม่ให้เงินตามที่จำเลยเรียกร้องก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายต่อไปว่า จำเลยจะมาตรวจสอบที่ร้านค้าของผู้เสียหายทุกเดือนและหากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีกับผู้เสียหาย แต่หากผู้เสียหายชำระเงินให้แก่จำเลยทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท จำเลยจะไม่มาตรวจสอบร้านค้าของผู้เสียหาย ก็มิใช่การขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหายเช่นกัน เพราะผู้เสียหายจะถูกดำเนินคดีตามที่จำเลยอ้างก็ต่อเมื่อมีการตรวจสอบร้านค้าของผู้เสียหายแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดจริง การเรียกเงินของจำเลยเป็นเพียงเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบร้านค้าของผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยมิได้ข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายแม้ไม่พบการกระทำความผิด เมื่อการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการขู่เข็ญ คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบของการกระทำความผิดฐานกรรโชกตาม ป.อ. มาตรา 337 วรรคหนึ่ง ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย