พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กรณีตัวแทนจำกัดอำนาจและการซื้อขายโดยสุจริต
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยทั้งสองประกอบกิจการขายรถยนต์ โดยจำเลยที่ 2 มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาท โจทก์ซื้อรถยนต์พิพาทจากจำเลยที่ 1 แล้วโจทก์ได้ส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของโจทก์ไป แม้ตามสัญญาซื้อขายและส่งมอบรถยนต์คันพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองมีเงื่อนไขว่ากรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จะโอนเป็นของจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อต่อเมื่อชำระราคาครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ชำระราคาให้จำเลยที่ 2 แม้แต่เพียงบางส่วน และจำเลยที่ 2 ผู้ขายก็มิได้กำหนดราคารถยนต์ที่ขายหรือตกลงกันในสัญญาว่า ให้กำหนดกันด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งตามป.พ.พ.มาตรา 487 และมิได้กำหนดระยะเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระราคารถยนต์ดังกล่าวไว้ด้วย ย่อมเห็นได้ว่าสัญญาซื้อขายและส่งมอบรถยนต์ระหว่างจำเลยทั้งสองไม่มีลักษณะเป็นสัญญาซื้อขายกันตามปกติ การที่จำเลยที่ 2 ส่งมอบรถยนต์พิพาทให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ซึ่งประกอบกิจการขายรถยนต์เช่นเดียวกับจำเลยที่ 2 ในประการที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 จะนำรถยนต์ดังกล่าวไปขายแก่บุคคลทั่ว ๆ ไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการที่ไม่เปิดเผยชื่อและยอมให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นตัวแทนทำการออกนอกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นเจ้าของหรือผู้มีสิทธิขายรถยนต์พิพาทแล้ว เมื่อโจทก์ซื้อรถยนต์พิพาทมาโดยสุจริต จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาซื้อขายและต้องจดทะเบียนกรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาทพร้อมมอบสมุดจดทะเบียนให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินการศาลย่อมพิพากษาให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6663/2538 เวอร์ชัน 6 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ถูกขัดขวางด้วยการซื้อขายโดยสุจริต ผู้รับโอนต่อมาไม่ต้องรับผลกระทบ
โจทก์อ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทของ ว. จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว แต่โจทก์มิได้ดำเนินการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ต่อมาค.ซื้อที่ดินพิพาทจาก ว. เมื่อไม่ปรากฏว่าได้ซื้อมาโดยสุจริตหรือไม่อย่างไร ก็ย่อมเป็นไปตามข้อสันนิษฐานอันเป็นคุณต่อ ค.ผู้ซื้อว่ากระทำการโดยสุจริตตาม ป.พ.พ.มาตรา 6 ถือว่า ค.ซื้อที่ดินพิพาทจาก ว.โดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว โจทก์ไม่อาจอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์ขึ้นใช้ยัน ค.ได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1299 วรรคสอง หลังจากนั้นจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจาก ค. จำเลยจะรับโอนโดยสุจริตหรือไม่อย่างไร โจทก์ผู้ครอบครองปรปักษ์ก็ไม่อาจยกสิทธิของตนขึ้นใช้ยันจำเลยผู้รับโอนต่อมาได้ เพราะสิทธิของโจทก์ผู้ครอบครองปรปักษ์ขาดตอนไปแล้วตั้งแต่ผู้รับโอนทางทะเบียนโดยสุจริตคนแรก แม้โจทก์จะยังคงครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา แต่การครอบครองในช่วงหลังที่ ค.และจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์มายังไม่ครบ 10 ปี ก็จะถือว่าการครอบครองปรปักษ์ต่อจำเลยครบเวลาได้กรรมสิทธิ์แล้วไม่ได้ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก ค.โดยสุจริต และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท & การซื้อขายโดยสุจริต ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิเหนือผู้ครอบครองเดิมที่ไม่จดทะเบียน
ที่ดินพิพาทเป็นที่ทำไร่ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์มีเพียง น.ส.3 บุคคลจะพึงมีสิทธิเหนือที่ดินพิพาทอย่างมากก็เพียงแต่สิทธิครอบครอง แม้โจทก์จะได้สิทธิครอบครองโดยการแย่งการครอบครองแต่การได้มาของโจทก์มิได้ จดทะเบียน โจทก์ก็จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยผู้ได้สิทธิ มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141-4142/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายโดยสุจริต ผู้ซื้อสิทธิเหนือผู้ครอบครองที่ไม่จดทะเบียน
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท ดังนั้นไม่ว่าผู้ร้องจะได้ที่พิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ แต่เมื่อผู้ร้องยังมิได้มีการจดทะเบียนการได้มาเช่นนั้น ผู้ร้องก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วได้ ทั้งกรณีถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อผู้ร้องไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ร้องมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่พิพาทได้ ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ที่ได้มาจากการซื้อขายโดยสุจริต: การกระทำตามอำนาจหน้าที่และสิทธิในทรัพย์สิน
จำเลยที่3เป็นพนักงานสอบสวนในการสืบสวนสอบสวนจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแสวงหาข้อเท็จจริงรวบรวมหลักฐานและดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับความผิดเพื่อทราบข้อเท็จจริงพิสูจน์ความผิดและเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษการที่จำเลยที่3สืบสวนทราบว่ารถยนต์ของช.ที่ถูกยักยอกไปอยู่ในความครอบครองของโจทก์และยึดรถยนต์ดังกล่าวมาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีจึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยที่3และกรมตำรวจจำเลยที่4ต้นสังกัดจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ซื้อรถยนต์จากท้องตลาดโดยสุจริตก็หาได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ซื้อนั้นไม่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1332เพียงแต่บัญญัติว่าผู้ซื้อไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริงเว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมาดังนี้เมื่อเจ้าของติดตามรถยนต์ดังกล่าวคืนโดยตำรวจยึดรถยนต์นั้นไปและศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับชำระราคาเพราะเหตุที่โจทก์ถูกรอนสิทธิแล้วโจทก์จึงขอบังคับให้ส่งมอบรถยนต์แก่โจทก์อีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ถูกยักยอก การซื้อขายโดยสุจริต และสิทธิในการเรียกร้องค่าทรัพย์สินส่วนแบ่ง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันพิพาทพร้อมตัวถังและอุปกรณ์ตามฟ้องหรือไม่คดีย่อมมีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกคันพิพาทโดยซื้อมาจากเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ซื้อมาจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ขายมิใช่เจ้าของที่แท้จริง แม้โจทก์จะรับซื้อไว้โดยสุจริตโจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 การที่เจ้าของและเจ้าพนักงานยึดรถยนต์บรรทุกคันพิพาทคืนจากโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกซึ่งไม่มีตัวถัง แต่โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างให้ต่อตัวถังขึ้น ตัวรถยนต์บรรทุกถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธาน จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของทรัพย์ที่รวมเข้ากันนั้นแต่ผู้เดียว เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคารถยนต์บรรทุกทั้งคันอันเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งคือค่าต่อตัวถังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ขายมิใช่เจ้าของที่แท้จริง แม้โจทก์จะรับซื้อไว้โดยสุจริตโจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 การที่เจ้าของและเจ้าพนักงานยึดรถยนต์บรรทุกคันพิพาทคืนจากโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกซึ่งไม่มีตัวถัง แต่โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างให้ต่อตัวถังขึ้น ตัวรถยนต์บรรทุกถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธาน จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของทรัพย์ที่รวมเข้ากันนั้นแต่ผู้เดียว เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคารถยนต์บรรทุกทั้งคันอันเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งคือค่าต่อตัวถังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์หลุดจำนำโดยสุจริต และสิทธิในการรับคืนทรัพย์ของเจ้าของเดิม
ห้างหุ้นส่วนจำกัดได้รับอนุญาตให้ค้ของเก่าที่หลุดจากโรงรับจำนำของที่หลุดจากโรงรับจำนำได้ทุกอย่าง ไม่จำต้องขายของอย่างเดียว เมื่อเครื่องถ่ายเอกสารเป็นของที่หลุดจากโรงจำนำและเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่ห้างทำการค้าอยู่เป็นปกติห้างจึงเป็นพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 แล้ว
เครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยหายไป ผู้จัดการห้างค้าของเก่าประมูลมาได้จากโรงรับจำนำ ลงบัญชีสำหรับผู้ค้าของเก่าไว้ตามระเบียบของกองทะเบียน กรมตำรวจแล้วนำเครื่องถ่ายเอกสารนั้นไปเสนอขายให้โจทก์ โจทก์ทดลองใช้อยู่ 2 สัปดาห์ จึงตกลงซื้อ เมื่อขายได้แล้วก็ลงบัญชีไว้เป็นหลักฐานว่าขายให้แก่ผู้ใด การเสนอขายมิได้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางปกปิดซื้อขายกัน แม้เครื่องถ่ายเอกสารจะมีป้ายติดอยู่ข้อความว่าเป็นของบริษัทจำเลย ก็ยังไม่พอฟังว่าโจทก์รับซื้อไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ทรัพย์หลุดจากโรงรับจำนำผู้ซื้ออาจเข้าใจว่าเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายกันต่อๆ ไปได้ ถือว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์ไว้โดยสุจริต เมื่อมีผู้นำเครื่องถ่ายเอกสารนี้ไปมอบให้จำเลย จำเลยจึงจะยึดไว้ไม่ได้ ต้องส่งคืนให้โจทก์
โจทก์ไม่ได้จ้างจำเลยซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร แต่จำเลยยึดเอาไปซ่อมโดยพลการ จำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงเครื่องถ่ายเอกสารเพราะโจทก์ไม่ชำระค่าซ่อมไม่
เครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยหายไป ผู้จัดการห้างค้าของเก่าประมูลมาได้จากโรงรับจำนำ ลงบัญชีสำหรับผู้ค้าของเก่าไว้ตามระเบียบของกองทะเบียน กรมตำรวจแล้วนำเครื่องถ่ายเอกสารนั้นไปเสนอขายให้โจทก์ โจทก์ทดลองใช้อยู่ 2 สัปดาห์ จึงตกลงซื้อ เมื่อขายได้แล้วก็ลงบัญชีไว้เป็นหลักฐานว่าขายให้แก่ผู้ใด การเสนอขายมิได้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางปกปิดซื้อขายกัน แม้เครื่องถ่ายเอกสารจะมีป้ายติดอยู่ข้อความว่าเป็นของบริษัทจำเลย ก็ยังไม่พอฟังว่าโจทก์รับซื้อไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ทรัพย์หลุดจากโรงรับจำนำผู้ซื้ออาจเข้าใจว่าเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายกันต่อๆ ไปได้ ถือว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์ไว้โดยสุจริต เมื่อมีผู้นำเครื่องถ่ายเอกสารนี้ไปมอบให้จำเลย จำเลยจึงจะยึดไว้ไม่ได้ ต้องส่งคืนให้โจทก์
โจทก์ไม่ได้จ้างจำเลยซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร แต่จำเลยยึดเอาไปซ่อมโดยพลการ จำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงเครื่องถ่ายเอกสารเพราะโจทก์ไม่ชำระค่าซ่อมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินหลุดจำนำโดยสุจริต และสิทธิของเจ้าของทรัพย์ในการติดตามคืน
ห้างหุ้นส่วนจำกัดได้รับอนุญาตให้ค้าของเก่าที่หลุดจากโรงรับจำนำ ย่อมขายของที่หลุดจากโรงรับจำนำได้ทุกอย่าง ไม่จำต้องขายของอย่างเดียวเมื่อเครื่องถ่ายเอกสารเป็นของที่หลุดจากโรงรับจำนำและเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่ห้างทำการค้าอยู่เป็นปกติ ห้างจึงเป็นพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 แล้ว
เครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยหายไป ผู้จัดการห้างค้าของเก่าประมูลมาได้จากโรงรับจำนำ ลงบัญชีสำหรับผู้ค้าของเก่าไว้ตามระเบียบของกองทะเบียน กรมตำรวจ แล้วนำเครื่องถ่ายเอกสารนั้นไปเสนอขายให้โจทก์ โจทก์ทดลองใช้อยู่ 2 สัปดาห์ จึงตกลงซื้อ เมื่อขายได้แล้วก็ลงบัญชีไว้เป็นหลักฐานว่าขายให้แก่ผู้ใด การเสนอขายมิได้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางปกปิดซื้อขายกัน แม้เครื่องถ่ายเอกสารจะมีป้ายติดอยู่ข้อความว่าเป็นของบริษัทจำเลย ก็ยังไม่พอฟังว่าโจทก์รับซื้อไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ทรัพย์หลุดจากโรงรับจำนำผู้ซื้ออาจเข้าใจว่าเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายกันต่อๆ ไปได้ ถือว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์ไว้โดยสุจริต เมื่อมีผู้นำเครื่องถ่ายเอกสารนี้ไปมอบให้จำเลย จำเลยจึงจะยึดไว้ไม่ได้ต้องส่งคืนให้โจทก์
โจทก์ไม่ได้จ้างจำเลยซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร แต่จำเลยยึดเอาไป ซ่อมโดยพลการ จำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงเครื่องถ่ายเอกสารเพราะโจทก์ ไม่ชำระค่าซ่อมไม่
เครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยหายไป ผู้จัดการห้างค้าของเก่าประมูลมาได้จากโรงรับจำนำ ลงบัญชีสำหรับผู้ค้าของเก่าไว้ตามระเบียบของกองทะเบียน กรมตำรวจ แล้วนำเครื่องถ่ายเอกสารนั้นไปเสนอขายให้โจทก์ โจทก์ทดลองใช้อยู่ 2 สัปดาห์ จึงตกลงซื้อ เมื่อขายได้แล้วก็ลงบัญชีไว้เป็นหลักฐานว่าขายให้แก่ผู้ใด การเสนอขายมิได้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางปกปิดซื้อขายกัน แม้เครื่องถ่ายเอกสารจะมีป้ายติดอยู่ข้อความว่าเป็นของบริษัทจำเลย ก็ยังไม่พอฟังว่าโจทก์รับซื้อไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ทรัพย์หลุดจากโรงรับจำนำผู้ซื้ออาจเข้าใจว่าเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายกันต่อๆ ไปได้ ถือว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์ไว้โดยสุจริต เมื่อมีผู้นำเครื่องถ่ายเอกสารนี้ไปมอบให้จำเลย จำเลยจึงจะยึดไว้ไม่ได้ต้องส่งคืนให้โจทก์
โจทก์ไม่ได้จ้างจำเลยซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร แต่จำเลยยึดเอาไป ซ่อมโดยพลการ จำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงเครื่องถ่ายเอกสารเพราะโจทก์ ไม่ชำระค่าซ่อมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่ใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ สิทธิซื้อขายสุจริตใช้ไม่ได้กับผู้แย่งครอบครอง
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่ใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนจะนำมาตรา 1299,1300 มาใช้เพื่ออ้างว่าได้ซื้อที่ดินโดยสุจริตจึงมีสิทธิดีกว่าผู้แย่งครอบครองที่ดินนั้นจากผู้ขายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881-882/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์โคที่ถูกลัก การซื้อขายโดยสุจริต และหน้าที่จดทะเบียนสัตว์พาหนะ
จำเลยซื้อโคของกลางจากตลาดซื้อขายโคกระบือ โดยไม่มีตั๋วพิมพ์รูปพรรณแต่ปรากฏว่าโคนั้นมีอายุ 10 กว่าปีใช้งานได้ และมีตั๋วพิมพ์รูปพรรณแล้ว ทั้งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 8 ก็บังคับไว้ว่าโคที่ใช้งานได้แล้วให้นำไปจดทะเบียนทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณเป็นการแสดงว่าจำเลยย่อมจะรู้ว่าโคนั้นมีตั๋วพิมพ์รูปพรรณแล้ว การที่จำเลยซื้อไว้โดยอ้างว่าไม่มีตั๋วพิมพ์รูปพรรณจึงเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต จะยกขึ้นโต้แย้งกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโคหาได้ไม่