พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4380/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรอการลงโทษสำหรับลูกจ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพ อีกทั้งโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุลปอนด์เยนมาร์กและดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ให้แก่ประชาชน ดังนั้น ฎีกาของจำเลยทั้งหกที่ว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันมีลักษณะเดียวกับการเล่นหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยผลกำไรขาดทุนถือเอาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมิได้ถือครองเงินตราต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศและมิใช่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งการที่บริษัท อ. ประกาศรับสมัครพนักงานจำเลยที่ 3 เชื่อโดยสุจริตว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไปสมัครงาน และบริษัทได้อบรมจำเลยที่ 3 ก่อน จำเลยที่ 3 ทำงานเพียง 2 เดือนก็ถูกจับกุมโดยไม่ทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิด และอ้างว่าพนักงานสอบสวนจูงใจให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับสารภาพโดยบอกว่าเมื่อรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษปรับเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งหกเป็นเพียงลูกจ้างของบริษัท อ. ในตำแหน่งพนักงานการตลาดทำหน้าที่เกี่ยวกับการหาลูกค้าเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีแก่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวหรือจำเลยทั้งหกได้ร่วมกับผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวกระทำความผิดแต่ประการใด ประกอบกับจำเลยทั้งหกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งหกกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมส่วนรวมยิ่งกว่าลงโทษจำคุกไปเสียที่เดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเข้าข่ายเป็นปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ต้องเสียภาษีการค้า
โจทก์จดทะเบียนการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร ชนิด 1 ไว้และทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคาร ก. หลายครั้งหลายช่วงเวลาและการซื้อขายไม่มีการส่งมอบเงินตราต่างประเทศระหว่างกันหรือส่งเงินตราไปนอกราชอาณาจักร โจทก์มีรายรับอันเป็นกำไรจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ประกอบกิจการเป็นปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า โจทก์จึงต้องเสียภาษีการค้าจากกำไรอันเกิดจากการประกอบการค้าดังกล่าวตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร ชนิด 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าถือเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ มีหน้าที่เสียภาษีการค้า
การที่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัททำการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคารหลายครั้งหลายช่วงเวลา มีรายรับอันเป็นกำไรจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ได้จดทะเบียนการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร ชนิด 1 ไว้ด้วย เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ประกอบกิจการเป็นปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า โจทก์จึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากกำไรอันเกิดจากการประกอบกิจการค้า ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร ชนิด 2 แถลงการณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาล่วงหน้าด้วยเงินสกุลอื่น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมเงินตราต่างประเทศที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินตราต่างประเทศเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกาสามารถซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาล่วงหน้า และชำระด้วยเงินสกุลอื่นนอกเหนือจากเงินบาทได้เท่านั้น หามีผลทำให้หน้าที่ในการเสียภาษีการค้าดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรเปลี่ยนแปลงไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2332/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังคงต้องเสียภาษีการค้า หากเข้าข่ายประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคาร
การจะพิจารณาว่าโจทก์ต้องเสียภาษีการค้าหรือไม่ ในประเภทใดต้องพิจารณาจากกิจการที่โจทก์กระทำเป็นสัญญา แม้กิจการนั้นจะได้กระทำไปโดยฝ่าฝืนกฎหมายแต่ถ้าเป็นกิจการที่กฎหมายกำหนดว่าต้องเสียภาษีการค้าแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ประกอบกิจการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเป็นปกติธุระจึงเป็นกิจการของผู้ที่ประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ แม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการธนาคารก็ตาม เมื่อมีผลกำไรจากการนี้โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 12 ตามบัญชีอัตราภาษีการค้า
โจทก์ประกอบกิจการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเป็นปกติธุระจึงเป็นกิจการของผู้ที่ประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ แม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการธนาคารก็ตาม เมื่อมีผลกำไรจากการนี้โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 12 ตามบัญชีอัตราภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2332/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตและการเสียภาษีการค้า แม้ฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องเสียภาษี
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับธนาคาร ก.หลายครั้งในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2528 โดยโจทก์กู้จากธนาคารก. สาขาฮ่องกง อันเป็นสาขาของธนาคารคู่สัญญาที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ทั้งปรากฏว่าไม่มีการส่งมอบเงินตราต่างประเทศระหว่างกัน อันเป็นข้อที่แสดงให้เห็นได้ว่าคู่สัญญาใช้วิธีหักกลบกันทางบัญชีไม่มีการส่งเงินตราต่างประเทศการกู้ในลักษณะดังกล่าวเป็นการแสดงถึงว่าเพื่อให้ตนมีเงินตราต่างประเทศไว้เพื่อหักถอนบัญชีตามสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศกันเท่านั้น เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ประกอบกิจการซื้อขายเงินตราเป็นปกติธุระ แม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศตาม พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 ก็หาได้หมายความว่า โจทก์มิใช่ผู้ประกอบการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพราะการที่จะพิจารณาว่าโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้าหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากกิจการที่โจทก์กระทำเป็นสำคัญ และแม้กิจการที่โจทก์กระทำนั้นจะฝ่าฝืนกฎหมาย ก็หาทำให้โจทก์พ้นจากความรับผิดในการชำระภาษีไม่ แบบแจ้งการประเมินมีข้อความระบุว่า "บริษัทมีรายรับจากกำไรจากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ แต่มิได้นำรายรับดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า จึงประเมินภาษีการค้าพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมาย" เป็นการระบุรายการที่ประกอบการค้าและเหตุผลที่ประเมินตามแบบที่กำหนดไว้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีซื้อขายเงินตราต่างประเทศ: นโยบายรัฐบาลไม่ใช่การค้าปกติ
การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรแล้วให้เอาเงินตราต่างประเทศที่ขายสินค้าได้มาขายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะได้เงินตราต่างประเทศใช้ซื้อของต่างประเทศจะถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นพ่อค้าหรือผู้ทำการเป็นพ่อค้าไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้อายุความ 2 ปี มาบังคับไม่ได้.