คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ซื้อทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับจำนองหลังซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด: ผู้ซื้อมีสิทธิไถ่ถอนหรือถูกบังคับจำนองได้ตามกฎหมาย
การที่จำเลยซื้อทรัพย์สินซึ่งติดจำนองมาจากการขายทอดตลาดในคดีอื่นของศาลชั้นต้น โจทก์ผู้ทรงสิทธิจำนองย่อมมีสิทธิที่จะบังคับเอาแก่ตัวทรัพย์นั้นได้แต่หาได้ทำให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะเป็นผู้จำนองแต่อย่างใดไม่ ฐานะของจำเลยเป็นเพียงผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนอง อันมีสิทธิและหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. คือ จำเลยมีสิทธิไถ่ถอนจำนองโดยเสนอรับใช้เงินเป็นจำนวนอันสมควรกับราคาทรัพย์สินนั้น ซึ่งหากโจทก์ไม่ยอมรับ โจทก์ต้องฟ้องคดีต่อศาลภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันมีคำเสนอ เพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งจำนอง ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 738 และ 739 และถ้าจำเลยมิได้ใช้สิทธิเสนอไถ่ถอนจำนองดังกล่าว หากโจทก์จะบังคับจำนอง ก็ต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่จำเลยล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนแล้วจึงจะบังคับจำนองได้ตามมาตรา 735 มิใช่ว่าเมื่อจำเลยซื้อทรัพย์สินซึ่งติดจำนองมาแล้วโจทก์จะอาศัยสิทธิความเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 20768/2535 ที่โจทก์ฟ้องลูกหนี้ติดตามบังคับคดีแก่ทรัพย์สินได้ทันที จำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว ประเด็นแห่งคดีก็เป็นคนละอย่างกัน กรณีหาใช่เรื่องสืบสิทธิที่จะถือว่าเป็นเรื่องที่คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 20768/2535 ของศาลชั้นต้น ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์: คดีล้มละลาย - การขยายระยะเวลาวางเงินซื้อทรัพย์ - ค่าขึ้นศาลคำขอปลดเปลื้องทุกข์
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และมีคำสั่งให้รับเงิน 8,150,000 บาท จากผู้ร้อง กับดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์ต่อไป ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยจะมีผลเพียงให้ผู้ร้องวางเงินไว้ร้อยละห้าของราคาทรัพย์ที่ซื้อโดยวางเพิ่มอีกเป็นเงิน 8,150,000 บาท และผู้ร้องจะได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการวางเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 173,850,000 บาท ไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งถึงที่สุดเกี่ยวกับคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด คำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ร้องดังกล่าวไม่ได้มีผลเป็นการขอบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายและโอนที่ดินที่ผู้ร้องซื้อได้จากการขายทอดตลาดให้ผู้ร้อง ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 (ก) ท้าย ป.วิ.พ. ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 179 วรรคท้าย ไม่ใช่เสียตามทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยซื้อทรัพย์โดยไม่รู้ว่าเป็นของโจร ขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
การซื้อขายวิทยุเทปติดรถยนต์ของกลางได้กระทำกันโดยเปิดเผยและจำเลยรับซื้อไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ย่อมขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจรจำเลยไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องสอด, เจตนายกทรัพย์, การซื้อทรัพย์โดยมีเจตนาให้เป็นสินส่วนตัว
ผู้ร้องสอดเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลเรียกทรัพย์คืนโดยอ้างว่าเป็นสินบริคณห์ของโจทก์กับผู้ร้องสอด โจทก์เอาไปให้จำเลยโดยผู้ร้องสอดไม่รู้เห็นยินยอม แล้วผู้ร้องสอดขอถอนฟ้องในวันสืบพยานนัดแรกโดยแถลงต่อศาลว่าจะไม่นำคดีมาฟ้องจำเลยอีก ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอแบ่งทรัพย์จากจำเลยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมซึ่งทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นรายเดียวกับคดีที่ผู้ร้องสอดเคยฟ้องจำเลย ผู้ร้องสอดได้ร้องสอดเข้ามาในคดีอีก ดังนี้ คำร้องสอดถือว่าเป็นคำฟ้อง ผู้ร้องสอดจึงไม่มีอำนาจร้องสอด (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2002/2511)
โจทก์กับผู้ร้องสอดเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาโจทก์ได้จำเลยเป็นภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนอีกคนหนึ่ง โจทก์ได้ออกเงินซื้อทรัพย์พิพาทโดยมีเจตนายกให้จำเลยเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนเมื่อมีบุตรเกิดขึ้น ดังนี้เมื่อโจทก์มีเจตนายกให้จำเลย จึงเรียกร้องทรัพย์พิพาทกึ่งหนึ่งจากจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สุจริตในการซื้อขายทอดตลาด: พิจารณาพฤติการณ์ก่อนและขณะซื้อได้
คำว่า โดยสุจริตของผู้ซื้อทรัพย์สินในการขายทอดตลาดของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 นั้น หมายความว่า ผู้ซื้อไม่รู้ว่ามิใช่ทรัพย์ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลผู้ล้มละลาย และในการวินิจฉัยว่าผู้ซื้อสุจริตหรือไม่ย่อมอาศัยพฤติการณ์ต่างๆ ทั้งก่อนและในขณะซื้อประกอบกัน หาใช่ต้องพิจารณาเฉพาะแต่ในเวลาซื้อเท่านั้นไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์รู้มาแต่แรกก่อนเข้าประมูลซื้อแล้วว่าที่พิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อโดยสุจริตในการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด: การบังคับใช้ ป.พ.พ. มาตรา 1330 และ 1332
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ซื้อทรัพย์ของโจทก์ไปจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์ประสงค์จะขอซื้อทรัพย์คืนจากจำเลย คำฟ้องเช่นนี้จะนำ ป.พ.พ. ม.1332 มาบังคับใช้ในคดีนี้หาได้ไม่เพราะ ม.1332 เป็นเรื่องซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดหรือในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่เกี่ยวกับการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลซึ่ง ป.พ.พ. ม.1330 บัญญัติได้โดยเฉพาะแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการไต่สวนคำร้องคดีเดิม และการพิสูจน์การซื้อทรัพย์จากศาล
น่าที่ของศาลเดิมจะไต่สวนคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทรัพย์ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เอื้อประโยชน์บุตรเขย ทำให้รัฐเสียหาย
จำเลยทราบดีว่านาง ล. ตกลงขายที่ดินแก่นาย พ. บุตรเขยจำเลยในราคาเพียง 220,000 บาท แต่มีการปลอมแปลงลายมือชื่อนาง ล. ในใบเสนอราคาขายที่ดินดังกล่าวเป็นเงิน 594,800 บาท แล้วนำไปยื่นต่อองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใต้ พร้อมกับใบเสนอราคาของเจ้าของที่ดินอีกสองแปลงซึ่งเสนอราคาสูงกว่า และเมื่อคณะกรรมการจัดซื้อเห็นสมควรซื้อที่ดินของนาง ล. ที่เสนอราคาต่ำสุด จำเลยในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใต้ ก็ได้อนุมัติให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าวในราคาภายหลังการต่อรองแล้ว 594,000 บาท สูงกว่าราคาที่นาง ล. ต้องการขาย 374,000 บาท และเมื่อหักเงินที่จำเลยต้องนำไปชำระเป็นค่าภาษี 5,940 บาท คงมีส่วนต่างที่เป็นประโยชน์แก่บุตรเขยของจำเลย 368,060 บาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บุตรเขยของจำเลย อันถือได้ว่าเป็นการแสวงประโยชน์โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใต้ ได้รับความเสียหายต้องซื้อที่ดินในราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น จำเลยจึงมีความผิดฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทรัพย์ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8488/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารต่างประเทศซื้อทรัพย์จากการบังคับคดีได้ตามกฎหมายเฉพาะ แม้มีข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์
แม้โจทก์จะเป็นธนาคารที่ก่อตั้งและจดทะเบียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีสาขาในประเทศไทยโดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบการธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยได้ จึงเป็นธนาคารพาณิชย์ตามความหมายของมาตรา 4 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 และได้รับยกเว้นให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จำนองไว้แก่ธนาคารสาขาของโจทก์ในประเทศไทยจากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลได้ ตามมาตรา 12 (4) ข แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินพิพาทโดยการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีจึงไม่ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 เพราะการที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ธนาคารเจ้าหนี้สามารถซื้อทรัพย์ของลูกหนี้ได้ก็เพื่อประโยชน์ในการบังคับชำระหนี้ของลูกหนี้ มิให้เจ้าหนี้ไม่ว่าจะมีสัญชาติไทยหรือต่างด้าวต้องได้รับความเสียหายจากการที่ไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมเช่นเจ้าหนี้ทั่วไป ทั้งยังเป็นหลักประกันสำหรับความเสมอภาคของเจ้าหนี้ทั้งหลายในการประกอบธุรกิจที่มีการแข่งขันอย่างเสรี แต่อย่างไรก็ตามโจทก์มีหน้าที่จะต้องจัดการกับที่ดินดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการเอาชำระหนี้ที่ค้างเท่านั้น ไม่อาจนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ เนื่องจากโจทก์ยังคงต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายที่ดินที่ใช้แก่บุคคลต่างด้าว การที่โจทก์จะสามารถถือกรรมสิทธิ์ต่อไปหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ซื้อมาดังกล่าวได้แค่ไหนเพียงใด ย่อมต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับโจทก์หรือผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องจะไปว่ากล่าวกันตามกฎหมายต่างหาก แต่สำหรับจำเลยทั้งสองในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีหน้าที่โดยสุจริตที่จะต้องชำระหนี้หรือถูกบังคับชำระหนี้ที่ก่อขึ้น ไม่อาจยกประมวลกฎหมายที่ดินขึ้นอ้างเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้และการถูกบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8317/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาชำระเงินค่าซื้อทรัพย์: เจ้าพนักงานบังคับคดีมีดุลพินิจชอบธรรมในการไม่อนุญาต หากข้ออ้างของผู้ซื้อมีน้ำหนักน้อย
ในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือออกไปอีกมีกำหนด 3 เดือน โดยอ้างว่าร่วมทุนกับบุคคลอื่นซื้อทรัพย์รายนี้ ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ลงทุนเป็นเงินสดในอัตราร้อยละ 3 ของราคาที่ดินที่ซื้อเท่านั้น ส่วนผู้ร่วมลงทุนอื่นซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์ตามสัญญาซื้อขายที่ดินร่วมกันลงทุนถึงร้อยละ 97 ทั้งในคำร้องก็ไม่ได้ระบุหรือแสดงเหตุผลอื่นอันสมควรให้เห็นว่าผู้ซื้อทรัพย์และผู้ร่วมลงทุนอื่น ได้ดำเนินการระดมทุนด้วยวิธีใดข้ออ้างของผู้ซื้อทรัพย์ในเรื่องนี้จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนที่ผู้ซื้อทรัพย์อ้างว่าเงินที่ต้องชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินจำนวนมากไม่อาจรวบรวมมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทันภายในกำหนดนั้น ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้เรียกเก็บราคาที่ดินส่วนที่เหลือ 7,460,000 บาท แต่เนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้น จึงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินค่าซื้อทรัพย์เพียงร้อยละ 5.5 ของราคาที่ซื้อได้เป็นเงิน 413,050 บาท เพื่อหักเงินมัดจำที่วางไว้แล้วคงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเพิ่ม 363,050 บาทเท่านั้น กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขยายระยะเวลาให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งไม่ให้ขยายระยะเวลาการชำระเงินจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริตและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย