คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฌาปนกิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินฌาปนกิจมีผลเมื่อยื่นคำร้อง แม้ประธานฯ ยังไม่อนุมัติ และทายาทไม่ต้องเป็นทายาทโดยธรรม
กรรมการปกครองได้จัดตั้งสำนักงานฌาปนกิจกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนันขึ้น โดยวางระเบียบการฌาปนกิจไว้ให้จ่ายเงินค่าอุปการะศพสมาชิกที่ถึงแก่กรรมแก่ทายาทผู้ซึ่งสมาชิกระบุไว้ ในใบสมัครหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ครั้งหลังที่สุด ดังนี้ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อใดต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการ ฌาปนกิจดังกล่าว เมื่อระเบียบดังกล่าวระบุว่าความเป็นสมาชิกเริ่มแต่วันที่คณะกรรมการดำเนินงานได้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และสมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกลาออกและได้รับอนุญาตจากประธานกรรมการดำเนินงานแล้ว หาได้ระบุว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคณะกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจมีมติ หรือเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานอนุมัติแล้วด้วยไม่ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจึงมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทต่อนายอำเภอ แม้ประธานดำเนินงานฌาปนกิจได้มีหนังสือแจ้งว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจอนุมัติแล้วแต่อำนาจในการออกและแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบฌาปนกิจเป็นของกรมการปกครอง หนังสือนี้จึงไม่มีผลบังคับ เมื่อสมาชิกได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ ให้บุคคลใดเป็นทายาทรับเงินค่าอุปการะศพไว้แล้ว แต่ประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจได้อนุมัติให้เปลี่ยนได้เมื่อหลังจากสมาชิกถึงแก่กรรม ก็ถือว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องแล้ว
เมื่อระเบียบการฌาปนกิจระบุว่า ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าอุปการะศพได้แก่ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร หรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุด โดยระบุเพียงว่าทายาท มิได้ระบุว่าทายาทโดยธรรม ดังนั้น ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุดย่อมมีสิทธิรับเงินค่าอุปการะศพ โดยหาจำเป็นต้องเป็นทายาทโดยธรรมของสมาชิกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ การมีผลสมบูรณ์ของคำร้อง และสิทธิในการรับเงินตามระเบียบฌาปนกิจ
กรมการปกครองได้จัดตั้งสำนักงานฌาปนกิจกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนันขึ้น โดยวางระเบียบการฌาปนกิจไว้ให้จ่ายเงินค่าอุปการะศพสมาชิกที่ถึงแก่กรรมแก่ทายาทผู้ซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ครั้งหลังที่สุด ดังนี้ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อใด ต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการฌาปนกิจดังกล่าว เมื่อระเบียบดังกล่าวระบุว่าความเป็นสมาชิกเริ่มแต่วันที่คณะกรรมการดำเนินงานได้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และสมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกลาออกและได้รับอนุญาตจากประธานกรรมการดำเนินงานแล้วหาได้ระบุว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคณะกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจมีมติหรือเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานอนุมัติแล้วด้วยไม่ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจึงมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทต่อนายอำเภอ แม้ประธานดำเนินงานฌาปนกิจได้มีหนังสือแจ้งว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจอนุมัติแล้ว แต่อำนาจในการออกและแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบฌาปนกิจเป็นของกรมการปกครองหนังสือนี้จึงไม่มีผลบังคับ เมื่อสมาชิกได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ ให้บุคคลใดเป็นทายาทรับเงินค่าอุปการะศพไว้แล้ว แต่ประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจได้อนุมัติให้เปลี่ยนได้เมื่อหลังจากสมาชิกถึงแก่กรรม ก็ถือว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องแล้ว
เมื่อระเบียบการฌาปนกิจระบุว่า ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าอุปการะศพได้แก่ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุด โดยระบุเพียงว่าทายาท มิได้ระบุว่าทายาทโดยธรรมดังนั้นทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุดย่อมมีสิทธิรับเงินค่าอุปการะศพ โดยหาจำเป็นต้องเป็นทายาทโดยธรรมของสมาชิกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบธุรกิจประกันชีวิตโดยไม่ได้รับอนุญาต: การพิจารณาว่ากิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจเข้าข่ายประกันชีวิตตามกฎหมายหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการสมาคม ส. ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยทำสัญญาประกันชีวิตและร่วมกันเป็นตัวแทนประกันชีวิตของสมาคม ส.โดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต จำเลยรับข้อเท็จจริงตามคำแถลงของเจ้าหน้าที่ที่โจทก์ส่งต่อศาลว่า สมาคม ส.จดทะเบียนถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคม ได้ออกระเบียบการโฆษณาหาสมาชิกโดยกำหนดในระเบียบการว่า สมาคมจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ให้แก่ ่สมาชิกที่ถึงแก่กรรมจำนวนหนึ่งโดยสมาชิกผู้นั้นจะต้องเสียเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกจำนวน 250 บาทและเงินค่าฌาปนกิจสงเคราะห์อีกศพละ 20 บาทให้แก่สมาคม ส.ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ไม่พอวินิจฉัยได้ว่ากิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจของสมาคม ส.เป็นการประกันชีวิตตามกฎหมายหรือไม่ จำเลยให้การปฏิเสธการกระทำผิด โจทก์มิได้นำสืบพยานให้ได้ความตามฟ้อง คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เข้าข่ายธุรกิจประกันชีวิต แม้ใช้ชื่ออื่น แต่ตัวแทนสมาคมไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกันชีวิต
สมาคมการศึกษาและการกุศลสงเคราะห์ รับสมัครสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ตามระเบียบการของสมาคมเมื่อแรกเข้าเป็นสมาชิกผู้สมัครต้องชำระเงินค่าสมัคร ค่าบำรุง ค่าอุปการะ เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเงินฝากสงเคราะห์ฌาปนกิจ โดยชำระครั้งเดียวหรือผ่อนชำระก็ได้ เมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม ทายาทก็จะได้รับเงินฌาปนกิจศพตามเกณฑ์อายุของสมาชิกและอายุการเป็นสมาชิกลดหลั่นกันไป เช่นนี้ เห็นได้ว่า เมื่อมีผู้เข้ามาเป็นสมาชิกตามระเบียบการของสมาคมย่อมจะเกิดเป็นสัญญาผูกพันกันระหว่างสมาคมกับสมาชิก อันสามารถบังคับกันได้ตามกฎหมายผลปฏิบัติระหว่างคู่สัญญาหาใช่เป็นการเรี่ยไรเงินระหว่างสมาชิกเพื่อเป็นการกุศลไม่ การส่งเงินฝากสงเคราะห์ฌาปนกิจของสมาชิกต่อสมาคม เป็นวิธีการปฏิบัติดุจเดียวกับการส่งเบี้ยประกันเพื่อประกันชีวิตไว้กับสมาคม สัญญาระหว่างสมาคมกับสมาชิกจึงเข้าลักษณะสัญญาประกันชีวิต การประกอบธุรกิจของสมาคมจึงเป็นการประกอบธุรกิจประกันชีวิตอันฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกันชีวิตพ.ศ. 2510 มาตรา 12 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2516)
ความตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาตรา 58 วรรค 1
จะเกิดขึ้นได้เฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับการกระทำที่ฝ่าฝืนโดยทำการเป็นตัวแทนประกันชีวิตให้บริษัทจำกัดที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเพียงตัวแทนประกันชีวิตให้สมาคมการศึกษาและการกุศลสงเคราะห์ และจำเลยเป็นผู้ปราศจากสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับใบอนุญาตให้เป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทจากนายทะเบียนได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 58 วรรคหนึ่งซึ่งมีโทษตามมาตรา 86
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมัครสมาชิกสมาคมฌาปนกิจต้องดำเนินการด้วยตนเอง หากมีเจตนาทุจริต สัญญาเป็นโมฆะ สมาคมไม่ต้องจ่ายเงิน
ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจมีว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมต้องมีสุขภาพสมบูรณ์โดยมีใบรับรองแพทย์ และต้องไปให้กรรมการของสมาคมพิจารณาด้วยตนเอง และผู้สมัครต้องยื่นหนังสือแสดงความจำนงด้วยตนเอง ปรากฏว่า บุคคลผู้ไปยื่นใบสมัครและรับการตรวจโรคเป็นคนอื่นแต่ใช้ชื่อของอีกคนหนึ่งสมัคร ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่า ผู้ที่มีชื่อตามใบสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจนั้นโดยชอบ สมาคมไม่มีความผูกพันที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้รับเงินฌาปนกิจ
แม้ทนายจำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ แต่ได้ยื่นคำร้องและได้แถลงต่อศาลอันเป็นการปฏิบัติในการว่าคดี ศาลคิดค่าทนายให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจต้องสมัครด้วยตนเองและมีคุณสมบัติครบถ้วน หากไม่เป็นไปตามข้อบังคับ สมาคมไม่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์
ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจมีว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมต้องมีสุขภาพสมบูรณ์โดยมีใบรับรองแพทย์ และต้องไปให้กรรมการของสมาคมพิจารณาด้วยตนเอง และผู้สมัครต้องยื่นหนังสือแสดงความจำนงด้วยตนเอง ปรากฏว่าบุคคลผู้ไปยื่นใบสมัครและรับการตรวจโรคเป็นคนอื่น แต่ใช้ชื่อของอีกคนหนึ่งสมัครดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ที่มีชื่อตามใบสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจนั้นโดยชอบ สมาคมไม่มีความผูกพันที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้รับเงินฌาปนกิจ
แม้ทนายจำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ แต่ได้ยื่นคำร้องและได้แถลงต่อศาลอันเป็นการปฏิบัติในการว่าคดี ศาลคิดค่าทนายให้ได้