พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีป่าไม้ต้องระบุชัดเจนถึงการเคลื่อนย้ายไม้หรือของป่าหลังได้รับอนุญาต หรือถึงด่านป่าไม้ด่านแรก
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยนำหมายเคลื่อนที่จากแห่งหนึ่งไปถึงอีกแห่งหนึ่งโดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้ของอีกแห่งหนึ่งนั้น โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตหรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 38 (1) หรือ (2) อันจะทำให้เป็นความผิดตามมาตรา 39, 71 จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1420/2509)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1420/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับไม้ของป่า ต้องระบุชัดเจนถึงการเคลื่อนย้ายไม้หลังจากได้รับอนุญาตหรือถึงด่านป่าไม้แล้ว จึงจะครบองค์ประกอบความผิด
การนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไป ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 38 ซึ่งต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยตามมาตรา 39 นั้น จะต้องปรากฏว่าได้มีการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่นำไม้หรือของป่าที่ได้รับใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้ว หรือนำไม้ที่ทำโดยไม่ต้องรับอนุญาตออกไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ดังนั้นเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยนำหวายเคลื่อนที่จากจังหวัดหนองคายมาถึงอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม โดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้ จังหวัดนครพนม โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้เคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต หรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามมาตรา 38(1) หรือ (2) จึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีป่าไม้ต้องระบุชัดเจนถึงการเคลื่อนย้ายไม้หลังได้รับอนุญาตหรือถึงด่านป่าไม้แรก จึงจะเข้าข่ายความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยนำหมายเคลื่อนที่จากแห่งหนึ่งไปถึงอีกแห่งหนึ่งโดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้ของอีกแห่งหนึ่งนั้น โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตหรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 38(1) หรือ (2)อันจะทำให้เป็นความผิดตามมาตรา39,71 จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1420/2509).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำไม้เพื่อประโยชน์บำรุงป่า ไม่ต้องขออนุญาตเคลื่อนย้าย หากยังไม่พ้นด่านป่าไม้แรก
จำเลยเป็นผู้รับจ้างทำไม้จากป่าไม้เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีอันเป็นการทำไม้เพื่อประโยชน์บำรุงป่าในทางวิชาการตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 17(1) จึงเป็นการทำไม้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามมาตรา 11 และไม้รายนี้เป็นไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องขอรับอนุญาตตามมาตรา 38(2) เมื่อจำเลยนำไม้ยังไม่ทันพ้นด่านป่าไม้ด่านแรกแม้จำเลยจะไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยก็ยังไม่มีผิดตามมาตรา 39