คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตกลงซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์แล้วตกลงซื้อขายกันไม่ได้ แคชเชียร์เช็คยังไม่ถือว่าชำระหนี้ได้
หลังจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยแล้วต่อมาศ. ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่ถูกยึดกับฝ่ายจำเลยโดยศ. ได้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินจากธนาคารน. และได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้วธนาคารน.จึงได้ออกแคชเชียร์เช็คจำนวน6,200,945.44บาทเพื่อให้ศ. ใช้ชำระค่าซื้อที่ดินต่อมาได้มีการมอบแคชเชียร์เช็คดังกล่าวแก่โจทก์และโจทก์ได้ขอถอนการยึดทรัพย์ที่ดินของฝ่ายจำเลยเพื่อจะได้จดทะเบียนโอนขายแก่ศ. และจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ต่อธนาคารน. ต่อไปและเจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตแล้วก็ตามแต่การที่โจทก์ศ. และธนาคารน.ตกลงให้โจทก์ถือแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไว้เป็นประกันในการที่ยอมถอนการยึดทรัพย์ที่ดินให้เท่านั้นหากต่อมาตกลงซื้อขายกันไม่ได้โจทก์ย่อมคืนแคชเชียร์เช็คให้แก่ธนาคารน. ได้การที่ศ. จะชำระค่าที่ดินโดยแคชเชียร์เช็คดังกล่าวก็เพื่อให้จำเลยที่2จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ศ. ในคราวเดียวภายในวันเดียวกันเพียงแต่ต้องมอบแคชเชียร์เช็คให้โจทก์ก่อนเพื่อให้ขั้นตอนการถอนการยึดทรัพย์ซึ่งต้องกระทำก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กระทำได้สำเร็จโดยศ. มีเจตนาจะชำระเงินค่าที่ดินตามแคชเชียร์เช็คนั้นให้แก่จำเลยที่2เป็นค่าซื้อที่ดินโดยเงื่อนไขว่าต้องมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ศ.ได้ในวันเดียวกันนั้นเมื่อจำเลยที่2ยังไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ศ. ได้จำเลยที่2จึงยังไม่มีสิทธิได้รับเงินตามแคชเชียร์เช็คนั้นเป็นการชำระค่าที่ดินและการมอบแคชเชียร์เช็คให้โจทก์ยึดถือไว้เช่นนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์แล้วโจทก์ย่อมจะคืนแคชเชียร์เช็คแก่ธนาคารน. ตามข้อตกลงได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยและโจทก์มีสิทธิบังคับคดีจำเลยต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายและการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยแล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด แต่จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทคืนโจทก์ในราคา 105,000 บาท โดยจำเลยขอค่าเช่าที่ค้างชำระจำนวน 22,500 บาท ด้วย แต่ยอมให้หักเงินจำนวน 30,000 บาทที่โจทก์ชำระให้ในการตกลงซื้อครั้งก่อน คงเหลือราคาที่จะต้องชำระ 97,500 บาทโจทก์ตกลง และนัดจดทะเบียนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในเดือนมีนาคม 2533ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท เมื่อปรากฏว่าจำเลยยอมให้หักเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์ชำระให้ในการตกลงซื้อครั้งก่อนออกจากราคาที่พิพาทที่ตกลงกันในครั้งหลังนี้ ถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่กลับบิดพลิ้วเรียกราคาใหม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายต้องมีการตกลงกันชัดเจน หากไม่มีการตกลงซื้อขาย ศาลไม่สามารถบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ได้
ฟ้องขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ตามคำบรรยายฟ้องและข้อเท็จจริงที่สืบ หาได้มีการตกลงจะซื้อขายกันต่อไม่ ดังนี้ศาลบังคับให้ไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9626/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด: การกระทำช่วยเหลือหลังการตกลงซื้อขาย
สายลับผู้ล่อซื้อติดต่อพูดคุยและตกลงซื้อขายตลอดจนนัดหมายสถานที่และวิธีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนและเงินสดของกลางกับ ป. ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงสองคน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมในการติดต่อหรือรู้เห็นกับ ป. ในการทำความตกลงดังกล่าว และไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำห่อเมทแอมเฟตามีนของกลางไปวางไว้ใต้สะพานลอยเพื่อส่งมอบให้แก่สายลับตามที่ ป. นัดหมายไว้ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า หลังจากสายลับนำถุงพลาสติกใส่เงินสดของกลางไปวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะตามที่ ป. แจ้งแก่สายลับแล้ว จำเลยซึ่งนั่งมาในรถกระบะของคนร้ายลงจากรถเดินเข้าไปหยิบถุงพลาสติกดังกล่าวจึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มอยู่เข้าจับกุม โดยไม่มีหลักฐานที่เป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยล่วงรู้สถานที่ส่งมอบเงินค่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาก่อนและเดินทางไปซุ่มรออยู่กับพวกที่บริเวณใกล้ตู้โทรศัพท์ก่อนแล้วเพื่อเตรียมเข้าไปเอาถุงใส่เงินเมื่อมีผู้นำไปวางไว้ให้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวยังไม่เพียงพอให้ฟังว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ป. ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่ตามพฤติการณ์เชื่อได้ว่า จำเลยรู้ดีว่าถุงพลาสติกที่พวกของตนบอกให้ไปหยิบมาให้นั้น เป็นถุงใส่เงินค่าซื้อเมทแอมเฟตามีนที่ผู้ซื้อนำมาวางไว้ให้แก่พวกของตน ถือว่าขณะนั้นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยังไม่ขาดตอน การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในขณะที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานะเป็นตัวการร่วมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้