พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีตัดพยาน-หน้าที่นำสืบ: จำเลยอ้างพยานแต่ไม่ขอหมายเรียก-การซื้อสินค้าตัวการตัวแทน
จำเลยระบุอ้างพยานหมายไว้ในบัญชีระบุพยานของตน แต่มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาเบิกความ ครั้นถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยรับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีก และจะนำพยานทุกปากมาสืบพร้อมกัน ซึ่งศาลชั้นต้นได้กำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีก ถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถนำพยานมาศาลได้โดยจำเลยมิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานปากดังกล่าวมาศาล เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลตัดพยานปากนี้เสียได้
คดีมีประเด็นว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประเด็นดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัท น.ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องได้
คดีมีประเด็นว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประเด็นดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อซื้อท่อระบายน้ำจากโจทก์แทนบริษัท น.ซึ่งเป็นตัวการ อันเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสินค้าแทนผู้อื่น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง และการประวิงคดี การตัดพยานชอบด้วยกฎหมาย
ตามบัญชีระบุพยานจำเลยอ้าง ส. ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครเป็นพยานหมาย แต่ในวันสืบพยานจำเลยนัดแรก ไม่ปรากฏว่าจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก ส. มาศาลจำเลยได้รับรองต่อศาลว่าจะไม่เลื่อนคดีอีกและจะนำพยาน มาพร้อมกันทั้งหมด เมื่อถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดี โดยเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาศาลได้ย่อมเป็นการประวิงให้การพิจารณาเป็นไปโดยล่าช้าอย่างชัดแจ้ง การที่ศาลมีคำสั่งให้ตัดและงดสืบ ส.พยานจำเลยจึงชอบแล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลย ติดต่อซื้อสินค้าจากโจทก์แทนบริษัท น. โจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกค่าสินค้าจากบริษัท น. ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง จำเลยเป็นผู้ติดต่อขอซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยนำตั๋วปูนซิเมนต์ของจำเลยไปวางเป็นประกัน ทั้งยังให้โจทก์ส่งสินค้าและลงรายการยอดซื้อค้างชำระในนาม ของจำเลย รวมทั้งเป็นผู้ชำระราคาและเก็บเอกสารการรับเงินไว้ไม่มีข้อความใดในเอกสารพาดพิงถึงบริษัท น. หากจำเลยชำระราคาสินค้าแทนบริษัท น. จำเลยก็ชอบที่จะส่งมอบเอกสารให้แก่บริษัท น. เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จำเลยชำระราคาสินค้าด้วยเช็คของบริษัท น. ก็ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิรับเช็คจากบริษัท น. เป็นค่าจ้างแล้วนำมาชำระหนี้ของตนได้อีกต่อหนึ่งการที่พนักงานของบริษัท น.นำเช็คฉบับใหม่ไปเปลี่ยนเช็คที่ไม่ผ่านการชำระเงินก็เป็นเรื่องที่ผู้ออกเช็คควรต้องไปผัดผ่อนหนี้ตามเช็คของตนข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำแทนผู้อื่น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3662/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการตัดพยาน: เหตุจำเป็นต้องชัดเจนและต่อเนื่อง
ป.วิ.พ. มาตรา 40 มีเจตนารมณ์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิชักช้า การเลื่อนคดีก็อนุญาตให้เลื่อนคดีได้เพียงครั้งเดียว คู่ความที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีไปแล้วจะขอเลื่อนคดีอีกได้ก็ต่อเมื่อเข้าข้อยกเว้น คือมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ จำเลยเคยขอเลื่อนคดีมาแล้วด้วยเหตุพยานจำเลยติดธุระมาศาลไม่ได้ และในนัดก่อนศาลได้กำชับว่าหากจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเกี่ยวกับพยานจำเลยอีกจะถือว่าจำเลยประวิงคดี แต่เมื่อถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกครั้งนี้อ้างว่าทนายจำเลยติดธุระสำคัญมาศาลไม่ได้ โดยไม่ปรากฏว่าติดธุระอะไรและสำคัญเร่งด่วนอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดี ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีกจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย การตัดพยาน และการกลับคำพิพากษา
ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรก จำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาศาล ศาลอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาโดยกำชับว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาอีกและให้จำเลยที่ 1นำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดต่อไป ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานด้วยตนเอง และขอส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยที่ 1 ยังศาลอื่นอีก 2 ศาลในประเด็นที่จำเลยที่ 1ได้เบิกความไปแล้ว เช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ประวิงคดี ชอบที่ศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานและให้ตัดพยานที่จำเลยที่ 1 ประสงค์จะสืบต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตเลื่อนการสืบพยานและตัดพยานที่จำเลยขอสืบเพิ่มเติม
ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรก ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน ไม่มีพยานมาศาล ทนายจำเลยที่ 1 แถลงว่าจะสืบพยาน 4 ปาก คือ จำเลยที่ 1, ป., ส. และ ก. มิได้กล่าวอ้างว่าจะต้องส่งประเด็นไปสืบ ป.ที่ศาลอื่น ทั้งมิได้กล่าวถึง พ.ด้วยศาลให้เลื่อนคดีให้จำเลยที่ 1 มีเวลาเตรียมพยาน 1 เดือนเศษโดยกำชับไว้ว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ จะให้สืบพยานเท่าที่สามารถนำมาศาลได้ ครั้นถึงวันนัด จำเลยที่ 1 สืบพยานได้เพียงตัวเองแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบ ป. และ พ.ซึ่งจะส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่นในข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ได้เบิกความไว้แล้ว ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ประวิงคดี ศาลไม่ให้เลื่อนคดีและให้ตัดพยานที่จะสืบต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการตัดพยาน: ศาลมีสิทธิตัดพยานจำเลยที่ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกซึ่งศาลให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จจำเลยไม่มีพยานมาศาลเลย การที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยป่วยก็ไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงให้น่าเชื่อ ที่ทนายจำเลยจะนำสืบพยานจำเลยปากหนึ่งในข้อที่ว่าดอกเบี้ยมีการลดลงตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่จำเป็นแก่คดี เพราะโจทก์ได้นำสืบไว้แล้วทั้งทนายจำเลยน่าจะออกหมายเรียกพยานปากนี้มาเบิกความ แต่ก็มิได้ดำเนินการพยานจำเลยอีกคนหนึ่งก็ได้ความว่าเป็นเลขานุการของจำเลยเองซึ่งทนายจำเลยน่าจะนำมาเบิกความในวันนัดได้ และที่ทนายจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นส่งลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์นั้น ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าไม่เป็นการจำเป็นจึงไม่อนุญาตตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยประวิงคดี คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานจำเลยไปและให้ตัดพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบจึงชอบด้วยรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีของจำเลยและการตัดพยานเนื่องจากไม่นำสืบพยานตามที่ศาลกำหนด
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกซึ่งศาลให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จจำเลยไม่มีพยานมาศาลเลย การที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยป่วยก็ไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงให้น่าเชื่อ ที่ทนายจำเลยจะนำสืบพยานจำเลยปากหนึ่งในข้อที่ว่าดอกเบี้ยมีการลดลงตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่จำเป็นแก่คดี เพราะโจทก์ได้นำสืบไว้แล้วทั้งทนายจำเลยน่าจะออกหมายเรียกพยานปากนี้มาเบิกความ แต่ก็มิได้ดำเนินการพยานจำเลยอีกคนหนึ่งก็ได้ความว่าเป็นเลขานุการของจำเลยเองซึ่งทนายจำเลยน่าจะนำมาเบิกความในวันนัดได้ และที่ทนายจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นส่งลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์นั้น ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าไม่เป็นการจำเป็นจึงไม่อนุญาตตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยประวิงคดี คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานจำเลยไปและให้ตัดพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบจึงชอบด้วยรูปคดีแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่แจ้งเหตุพยานมาสายและไม่ขอเลื่อนคดี ศาลชอบที่สั่งตัดพยานและดำเนินคดีต่อไปได้
ศาลนัดสืบพยานจำเลยเวลา 9.00 นาฬิกา ถึงเวลานัดทนายจำเลยมาศาลแต่พยานจำเลยยังไม่มา ทนายจำเลยรอพยานอยู่นอกห้องพิจารณาโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดีต่อศาลหรือเจ้าหน้าที่ของศาล ศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 9.33 นาฬิกา และสั่งว่า จำเลยไม่มาศาล โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนถือว่าไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้แสดงว่าศาลรอจำเลยเกินกำหนดนัดไป 33 นาที โดยจำเลยมิได้ดำเนินการอย่างใด จำเลยจะอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดของทนายจำเลยว่าศาลจะพิจารณาคดีของตนเป็นเรื่องที่สองไม่ได้ เพราะจะทำให้กำหนดวันเวลาที่ศาลนัดไว้ไร้ประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องขอสืบพยานของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3615/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการมอบฉันทะทนายความขอเลื่อนคดีและการตัดพยานโจทก์เมื่อไม่แจ้งเหตุขัดข้อง
การมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดีในคดีอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้ จึงต้องนำประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแทนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอ เลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอ เลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีมูลหนี้ และการประวิงคดีตัดพยานได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกจำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจานัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบแต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียวส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้าถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบนัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ4ปากแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก2ปากซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้นก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดีชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว. จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น. โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจากส.ให้จำเลยโดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมาเช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่.