พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8187/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดต่อเนื่อง: การฟ้องให้ถอนคำคัดค้านการออก น.ส.3ก. ไม่ใช่การเรียกค่าเสียหาย
การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านดังกล่าวไม่ใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้คำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นยังไม่มีการเปรียบเทียบต้องถือว่าคำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ ดังนั้นแม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ ในวันนั้น แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านทำให้คำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ จึงเป็นการทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของทายาทในการแบ่งมรดก และขอบเขตคำพิพากษาศาลที่ให้ถอนคำคัดค้านการโอน
ข้อความในคำฟ้องได้บรรยายว่า โจทก์ทั้งสอง ส.และจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ช.เจ้ามรดกตกลงแบ่งทรัพย์มรดกระหว่างกันแล้วจำเลยได้คัดค้านการโอนที่ดินมรดกซึ่งเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ทั้งสอง จึงขอให้จำเลยถอนคำคัดค้าน ดังนี้โจทก์ทั้งสองจึงฟ้องในฐานะส่วนตัวหาใช่ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช.ไม่ โจทก์ทั้งสองย่อมมีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปถอนคำคัดค้านการจดทะเบียนโอนที่ดินของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 มาเป็นทรัพย์มรดกของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ มีความหมายเพียงว่าให้จำเลยไปถอนคำคัดค้านที่จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านไว้ในเรื่องที่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนโอนที่ดินมาเป็นทรัพย์มรดกของโจทก์ที่ 1 และที่ 2เท่านั้นหาได้มีความหมายเลยไปว่าให้ที่ดินมรดกตามฟ้องตกได้แก่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ด้วยไม่คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาจะซื้อขาย: การไม่มาเบิกความ, การถอนคำคัดค้าน, และผลของการเลิกสัญญาต่อการคืนเงินมัดจำ
ภรรยาไปพาโจทก์มาฟ้องคดี จึงต้องถือว่าเป็นการดำเนินคดีของโจทก์เอง ส่วนผลคดีจะเป็นประโยชน์ต่อใครไม่สำคัญ จะว่าเป็นการดำเนินคดีโดยไม่สุจริตไม่ได้
หากโจทก์ฟ้องแล้ว เมื่อโจทก์ไม่มาเบิกความเอง จะอ้างว่าฟ้องไม่ได้เสียเลยหาได้ไม่ เพราะการที่โจทก์ไม่มาเบิกความต่อศาล ก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำดังนั้น แล้วแต่โจทก์จะเสนอพยานหลักฐานใดต่อศาล ส่วนการจะฟังได้หรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยตามพยานหลักฐานและรูปคดี มิใช่ว่าถ้าโจทก์ไม่มาเบิกความเองแล้วฟังไม่ได้เสียเลย
ประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยนั้น เมื่อพยานหลักฐานได้สืบกันมาแล้ว ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่
การที่โจทก์ตกลงซื้อที่ดินที่พิพาทจากจำเลยและปลูกเรือนให้ภริยาของตนอยู่ในที่พิพาท แล้วก็ทอดทิ้งไปไม่นำพาในเรื่องซื้อขายกับจำเลยอีก เมื่อภริยาโจทก์ไม่ชำระราคาที่ค้าง ยอมให้เอาที่ดินไปขายให้แก่คนอื่นได้ ทั้งให้ขายเรือนให้ด้วย และเมื่อจำเลยฟ้องคดีภรรยาโจทก์ก็ถอนการคัดค้านในการที่จำเลยจะทำนิติกรรมให้กับคนอื่น พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า คู่กรณีตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วโดยปริยาย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเพียงให้จำเลยโอนขายที่พิพาทอย่างเดียว มิได้เรียกเงินคืนในการที่โอนขายให้ไม่ได้ ทั้งโจทก์ยังมิได้จัดการให้จำเลยกลับสู่ฐานะเดิมในเหตุเลิกสัญญา จะบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำเพราะเหตุเลิกสัญญาในคดีด้วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ตัดสิทธิคู่ความในการดำเนินคดีในผลแห่งการเลิกสัญญา.
หากโจทก์ฟ้องแล้ว เมื่อโจทก์ไม่มาเบิกความเอง จะอ้างว่าฟ้องไม่ได้เสียเลยหาได้ไม่ เพราะการที่โจทก์ไม่มาเบิกความต่อศาล ก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำดังนั้น แล้วแต่โจทก์จะเสนอพยานหลักฐานใดต่อศาล ส่วนการจะฟังได้หรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยตามพยานหลักฐานและรูปคดี มิใช่ว่าถ้าโจทก์ไม่มาเบิกความเองแล้วฟังไม่ได้เสียเลย
ประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยนั้น เมื่อพยานหลักฐานได้สืบกันมาแล้ว ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่
การที่โจทก์ตกลงซื้อที่ดินที่พิพาทจากจำเลยและปลูกเรือนให้ภริยาของตนอยู่ในที่พิพาท แล้วก็ทอดทิ้งไปไม่นำพาในเรื่องซื้อขายกับจำเลยอีก เมื่อภริยาโจทก์ไม่ชำระราคาที่ค้าง ยอมให้เอาที่ดินไปขายให้แก่คนอื่นได้ ทั้งให้ขายเรือนให้ด้วย และเมื่อจำเลยฟ้องคดีภรรยาโจทก์ก็ถอนการคัดค้านในการที่จำเลยจะทำนิติกรรมให้กับคนอื่น พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า คู่กรณีตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วโดยปริยาย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเพียงให้จำเลยโอนขายที่พิพาทอย่างเดียว มิได้เรียกเงินคืนในการที่โอนขายให้ไม่ได้ ทั้งโจทก์ยังมิได้จัดการให้จำเลยกลับสู่ฐานะเดิมในเหตุเลิกสัญญา จะบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำเพราะเหตุเลิกสัญญาในคดีด้วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ตัดสิทธิคู่ความในการดำเนินคดีในผลแห่งการเลิกสัญญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: บันทึกถอนคำคัดค้านมรดกมีผลผูกพัน
จำเลยไปยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินของพี่ชาย ณ หอทะเบียน โจทก์ซึ่งเป็นน้องต่างบิดาคัดค้านภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกัน โดยจำเลยยอมแบ่งที่บ้านให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่นาโจทก์ไม่เกี่ยวข้อง ดังนี้ การที่โจทก์ลงชื่อขอถอนคำคัดค้านโดยเจ้าพนักงานที่ดินบันทึกไว้ว่าโจทก์ไม่ติดใจเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้จำเลยรับมรดกไปได้ผู้เดียวนั้น บันทึกดังกล่าว แม้โจทก์จะทำกับเจ้าพนักงานผู้ไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบก็ตาม ก็ย่อมถือว่าเป็นหลักฐานของสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลบังคับได้อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: บันทึกถอนคำคัดค้านมรดกมีผลผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยไปยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินของพี่ชาย ณ หอทะเบียนโจทก์ซึ่งเป็นน้องต่างบิดาคัดค้านภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันโดยจำเลยยอมแบ่งที่บ้านให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่นาโจทก์ไม่เกี่ยวข้องดังนี้ การที่โจทก์ลงชื่อขอถอนคำคัดค้านโดยเจ้าพนักงานที่ดิน บันทึกไว้ว่าโจทก์ไม่ติดใจเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้จำเลยรับมรดกไปได้ผู้เดียวนั้นบันทึกดังกล่าว แม้โจทก์จะทำกับเจ้าพนักงานผู้ไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบก็ตามก็ย่อมถือว่าเป็นหลักฐานของสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลบังคับได้อย่างหนึ่ง