คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ถอนทนาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนทนายและผลกระทบต่อการอุทธรณ์ การไม่ยื่นอุทธรณ์ทำให้คำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 3 ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ก่อนยื่นอุทธรณ์จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอถอน ร. ออกจากการเป็นทนายความของตนและขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ร. จึงไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยที่ 3 อีกต่อไป การที่ต่อมา ร. ยื่นอุทธรณ์ในฐานะทนายความของจำเลยที่ 3 โดยลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ผู้เรียงและผู้พิมพ์ ซึ่งเป็นการเรียงและยื่นอุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยที่ 3 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ยื่นอุทธรณ์ เมื่อจำเลยที่ 3 และทนายความคนใหม่มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่ศาลขยายให้ ส่วนโจทก์ยื่นอุทธรณ์แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ การที่ศาลชั้นต้นให้ส่งสำนวนส่วนของจำเลยที่ 3 ไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง จึงชอบแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด จำเลยที่ 3 จึงไม่มีสิทธิยื่นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นสัญญาว่าความและการถอนทนาย ความสามารถยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นอุทธรณ์ได้หากข้อเท็จจริงปรากฏหลังฟ้อง
จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีที่ว่าจ้างให้โจทก์เป็นทนายความได้ยื่นคำร้องขอถอนโจทก์จากการเป็นทนายความ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2539 แต่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2539 และยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2540 ซึ่งเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยได้ถอนโจทก์จากการเป็นทนายความนั้นมีอยู่แล้วขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ดังนั้นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอุทธรณ์โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อกฎหมายที่ไม่สามารถยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นเพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ แต่เป็นข้อที่โจทก์สามารถยกขึ้นมากล่าวตั้งแต่ในศาลชั้นต้นได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 654/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาจ้างว่าความ การถอนทนาย และการประวิงคดี: ศาลต้องแจ้งการถอนทนายให้จำเลยทราบ
การจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างทำของซึ่งตามกฎหมายเรื่องจ้างทำของมิได้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับการที่ผู้รับจ้าง จะบอกเลิกสัญญาได้ ทั้งไม่ปรากฏข้อสัญญาระหว่าง พ. ทนายความกับจำเลยว่าจะเลิกสัญญากันอย่างไร จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 คือต้องแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อปรากฏว่า พ. ยังมิได้แสดงเจตนาแก่จำเลยสัญญาจ้างว่าความระหว่าง พ. และจำเลยจึงไม่สิ้นสุดลง การที่ศาลชั้นต้นจะแจ้งการถอนตัวของทนายให้จำเลยทราบ ตามกฎหมายก็เฉพาะกรณีศาลชั้นต้นอนุญาตให้ทนายถอนตัวและจำเลยยังไม่ทราบเรื่อง เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้อนุญาตให้ พ.ถอนตัวจากการเป็นทนาย จึงไม่ใช่กรณีต้องแจ้งให้จำเลยทราบ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีมาสองนัดแล้ว นัดแรกให้เลื่อนคดีเพราะทนายจำเลยป่วย ครั้งที่สองให้เลื่อนคดี เพราะไม่มีพยานจำเลยมาศาล ในครั้งนี้ทนายมายื่นคำร้องขอถอนตัว โดยจำเลยเองก็มิได้มาศาลทั้งที่เป็นวันนัดที่จำเลยต้องเบิกความและจำเลยก็มิได้มีพยานปากอื่นมาศาล พฤติการณ์การกระทำของจำเลยและทนายเห็นได้ชัดว่ามุ่งประวิงคดี จำเลยจะอ้างว่าทรายจำเลยไม่แจ้งให้จำเลยทราบและจำเลยเป็นคนบ้านนอกมาเป็นเหตุประวิงคดีไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและฟังว่าจำเลยจงใจประวิงคดีจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6355/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณา: การร้องขอเลื่อนคดี/ถอนทนาย ถือเป็นเหตุขัดข้องชอบธรรม
การขาดนัดพิจารณาตามป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคสอง นั้นจะต้องเป็นกรณีที่คู่ความไม่มาศาลในวันสืบพยานประการหนึ่ง ประกอบกับมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานอีกประการหนึ่งหากคู่ความไม่มาศาลในวันนัดสืบพยาน แต่ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนลงมือสืบพยาน แต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไป ก็ถือไม่ได้ว่าคู่ความนั้นขาดนัดพิจารณา
ทนายจำเลยทั้งสองได้นำคำร้องขอถอนตนมายื่นต่อศาลแล้วกลับไปก่อนศาลออกนั่งพิจารณา ถือได้ว่าฝ่ายจำเลยไม่มาศาลในวันสืบพยาน แต่การที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนตนจากการเป็นทนายแล้วกลับไป ถือได้ว่าฝ่ายจำเลยได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลแล้ว การที่ศาลไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งสองถอนตนแล้วลงมือสืบพยานโจทก์ไป จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา แม้ต่อมาจะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยทั้งสองก็จะขอพิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 207 มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6409/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการขยายระยะเวลาอุทธรณ์ แม้มีการแต่งตั้งทนายความใหม่ จำเลยต้องแจ้งศาลหากต้องการถอนทนายความเดิม
แม้จำเลยจะเพิ่งตั้งให้ส. เข้ามาเป็นทนายความของจำเลยในชั้นอุทธรณ์แต่จำเลยก็มิได้แถลงให้ศาลทราบว่าไม่ต้องการให้ว. ทนายความคนก่อนเป็นทนายความของจำเลยต่อไปหรือยื่นคำร้องขอถอนว. จากการเป็นทนายความของจำเลยว. จึงยังเป็นทนายความของจำเลยอยู่และมีอำนาจขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งคำร้องถอนทนาย และสิทธิในการแต่งตั้ง/ถอนทนายเมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และได้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์คดีจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจสั่งคำร้องขอถอนทนายของจำเลยที่1และที่2 จำเลยที่1และที่2มีสิทธิแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา60ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา797และการแต่งตั้งผู้ใดเข้าเป็นทนายความขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของจำเลยที่1และที่2เป็นสำคัญฉะนั้นจำเลยที่1และที่2ย่อมมีสิทธิจะขอถอนทนายความซึ่งเป็นตัวแทนเมื่อใดก็ได้ตามมาตรา827วรรคหนึ่งหากทนายจำเลยที่1และที่2เสียหายอย่างไรชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยที่1และที่2ตามที่มาตรา827วรรคสองให้สิทธิไว้ บริษัทจำเลยที่1ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนอันถือได้ว่าบริษัทได้เลิกแล้วแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1249ให้พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีจำเลยที่2และที่6เป็นกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่1ย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชีและมีอำนาจอยู่เช่นเดิมตามมาตรา1251,1252กับมีอำนาจตามมาตรา1259ตราบใดที่ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีจำเลยที่1ขึ้นมาใหม่จำเลยที่2และที่6ในฐานะผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนทนายความแทนจำเลยที่1ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนทนายและการขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยยังไม่ได้แต่งตั้งทนายใหม่
ทนายจำเลยขอถอนตัว ศาลชั้นต้นได้แจ้งให้จำเลยทราบคำขอนั้นแล้ว จึงได้มีคำสั่งอนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ถูกต้องแล้วโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาก่อนวันศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทนายคนเดิมขอถอนตัวหรือไม่แต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม2529 แต่ถึงวันนัดได้มีการเลื่อนวันนัดออกไป และมีการเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไปอีกหลายครั้งโดยไม่มีการสืบพยานโจทก์เลยจนกระทั่งได้มีการสืบพยานโจทก์ครั้งรแกในวันที่ 18มีนาคม 2529 ถือได้ว่าวันสืบพยานคือวันที่ 18 มีนาคม 2529 เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่มาศาล และศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ขาดนัดพิจารณาจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 แล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีหลังศาลอนุญาตให้ถอนทนาย และการกำหนดวันสืบพยานใหม่
เมื่อศาลนัดสืบพยานโจทก์แล้ว ถึงวันนัดได้มีการเลื่อนวันนัดออกไป และมีการเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไปอีกหลายครั้ง โดยไม่มีการสืบพยานโจทก์เลย จนกระทั่งได้มีการสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 18 มีนาคม 2529 ถือได้ว่าวันดังกล่าวเป็นวันสืบพยานจำเลยไม่มาศาล ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา จึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัวได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าตัวความได้แต่งตั้งทนายคนใหม่เข้ามาแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนทนายและความชอบธรรมในการประวิงคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 มิได้บังคับว่าเมื่อทนายความยื่นคำขอต่อศาลให้สั่งถอนตนจากการเป็นทนายของคู่ความ ศาลจะต้องอนุญาตเสมอไป จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามควรแก่กรณี จำเลยได้ขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยเหตุที่พยานป่วยหนึ่งครั้ง พยานมาศาลเพียงปากเดียวหนึ่งครั้ง จำเลยป่วยหนึ่งครั้งและพยานไม่มาศาลหนึ่งครั้ง สำหรับในวันนัดสืบพยานจำเลยก่อนที่ทนายจำเลยจะยื่นคำร้องขอถอนตัวนั้น ปรากฏว่าพยานจำเลยมีตัวจำเลยกับพยานอื่นหนึ่งปากมาศาล แต่โจทก์คัดค้านจึงต้องเลื่อนคดีไป โดยทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานมาศาล 3 ปาก ขอหมายเรียกพยานหนึ่งปากหากไม่นำพยานมาศาลก็ไม่ติดใจสืบ ครั้นถึงวันนัดปรากฏว่าจำเลย ทนายจำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล คงมีแต่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องที่ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายต่อศาลและอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่นจึงไม่อาจมาศาลได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ตัวจำเลยจะต้องมาศาลและนำพยานจำเลยมาศาลด้วยตามที่ได้แถลงไว้ในนัดก่อนเพราะศาลอาจสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายและให้สืบพยานจำเลยไปก็ได้ พฤติการณ์ของจำเลยในการขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้ง และไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนทนายและความเป็นการประวิงคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 มิได้บังคับว่าเมื่อทนายความยื่นคำขอต่อศาลให้สั่งถอนตนจากการเป็นทนายของคู่ความศาลจะต้องอนุญาตเสมอไป จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามควรแก่กรณี จำเลยได้ขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยเหตุที่พยานป่วยหนึ่งครั้ง พยานมา ศาลเพียงปากเดียวหนึ่งครั้ง จำเลยป่วยหนึ่งครั้งและพยานไม่มาศาลหนึ่งครั้ง สำหรับในวันนัดสืบพยานจำเลยก่อนที่ทนายจำเลยจะยื่นคำร้องขอถอนตัวนั้น ปรากฏว่าพยานจำเลยมีตัวจำเลยกับพยานอื่นหนึ่งปากมาศาล แต่โจทก์คัดค้านจึงต้องเลื่อนคดีไป โดยทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานมาศาล 3 ปากขอหมายเรียกพยานหนึ่งปากหากไม่นำพยานมาศาลก็ไม่ติดใจ สืบ ครั้นถึงวันนัดปรากฏว่าจำเลย ทนายจำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล คงมีแต่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องที่ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายต่อศาลและอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่นจึงไม่อาจมาศาลได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ตัวจำเลยจะต้องมาศาลและนำพยานจำเลยมาศาลด้วยตามที่ได้แถลงไว้ในนัดก่อนเพราะศาลอาจสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายและให้สืบพยานจำเลยไปก็ ได้ พฤติการณ์ของจำเลยในการขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้งและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
of 2