พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจแต่งทนายจากหนังสือมอบอำนาจ และการใช้ถ้อยคำผิดพลาดในคำฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทน ผู้รับมอบอำนาจแต่งทนายความลงชื่อในฟ้องได้โดยไม่ต้องมีใบมอบอำนาจให้แต่งทนายอีก
ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเช่าซื้อตั้งแต่วันฟ้องต่อไปจนกว่าจะออกจากที่ดินที่เช่าซื้อ หมายความถึงค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าเช่าซื้อ โจทก์ใช้ถ้อยคำผิดพลาด ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเช่าซื้อตั้งแต่วันฟ้องต่อไปจนกว่าจะออกจากที่ดินที่เช่าซื้อ หมายความถึงค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าเช่าซื้อ โจทก์ใช้ถ้อยคำผิดพลาด ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาหลังอ่านแล้วจำกัดเฉพาะการแก้ไขถ้อยคำผิดพลาดเท่านั้น การร้องขอนับโทษจากคดีอื่นหลังพิพากษาจึงไม่อาจทำได้
คำพิพากษาซึ่งได้อ่านแล้วนั้นจะแก้ไขอย่างอื่นนอกจากแก้ถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดมิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และให้นับโทษ+จากคดีเรื่อหนึ่ง ศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์แล้ว ภายหลังโจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งมิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และให้นับโทษ+จากคดีเรื่อหนึ่ง ศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์แล้ว ภายหลังโจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6870/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของบริษัทบริหารสินทรัพย์ แม้คำร้องใช้ถ้อยคำผิดพลาด
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาแล้ว คดีถึงที่สุดอยู่ระหว่างการบังคับคดี ผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลและจดทะเบียนไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากโจทก์ซึ่งรวมถึงหนี้ของจำเลย แม้คำร้องของผู้ร้องจะกล่าวว่าเป็นการขอเข้ามาเพื่อสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ซึ่งไม่ตรงตามที่ พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 มาตรา 7 กำหนดไว้ก็ตาม แต่เนื่องจากการยื่นคำร้องของผู้ร้องเป็นการยื่นคำร้องเข้ามาภายหลังจากที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่มีกรณีที่จะต้องเข้ามาสวมสิทธิเป็นคู่ความในคดีแทนโจทก์เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความเดิม หากแต่ตามคำร้องของผู้ร้องเมื่อพิจารณาประกอบกันทั้งหมดแล้วเห็นว่า เป็นการยื่นคำร้องเข้ามาขอเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาภายหลังจากที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เพียงแต่ผู้ร้องโดยใช้ถ้อยคำผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นการร้องขอเข้ามาสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ทั้งคำร้องของผู้ร้องก็ปรากฏชัดเจนว่าเป็นการขอเข้ามาสวมสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ต่อจำเลยในคดีนี้ อันได้แก่จำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา และไม่ปรากฏว่ามีคู่ความฝ่ายใดรวมไปถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีคัดค้าน ดังนั้น จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9812/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจแก้ไขถ้อยคำผิดพลาดได้ หากไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่มีข้อวินิจฉัยเกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษของจำเลยที่ 1 ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง แต่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี สำหรับความผิดฐานดังกล่าว กรณีจึงเป็นความผิดหลงหรืออีกนัยหนึ่งเขียนคำพิพากษาในส่วนที่กำหนดโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานดังกล่าวผิดพลาดไป ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบที่จะแก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดให้ถูกต้องได้โดยมิได้เป็นการแก้ไขคำวินิจฉัยในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 190 ประกอบมาตรา 215 ทั้ง ป.วิ.อ. ได้บัญญัติวิธีพิจารณาในกรณีแก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดไว้แล้ว จึงไม่อาจนำ ป.วิ.พ. มาตรา 143 มาใช้บังคับกับกรณีดังกล่าวได้