พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: แม้ไม่พบหลักฐานการลักทรัพย์ แต่การครอบครองทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์โดยรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร
จำเลยกับ ว. ซึ่งเป็นพนักงานของห้างผู้เสียหาย ได้ถือกระเช้าของขวัญของห้างผู้เสียหายคนละ 2 กระเช้า เดินข้ามถนนหน้าห้างผู้เสียหาย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเห็นพิรุธจึงได้เข้าไปสอบถาม ระหว่างนั้น ว. วิ่งหลบหนีไป ส่วนจำเลยให้การยอมรับว่า จำเลยได้ลักมาจากห้างผู้เสียหาย เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลย โดยแจ้งข้อหาว่าลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและทำบันทึกการจับกุมว่าจำเลยให้การรับสารภาพแต่บันทึกการจับกุมไม่มีรายละเอียดว่าจำเลยลักกระเป๋าของขวัญมาอย่างไร ทั้งในวันเดียวกันนั้นจำเลยให้การปฏิเสธต่อพนักงานสอบสวนและได้ความจากหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า เมื่อได้สำรวจห้างปรากฏว่าไม่มีรอยงัดแงะ ย่อมแสดงว่ากระเช้าของขวัญของกลางที่คนร้ายลักมาจากห้างผู้เสียหายต้องนำออกมาก่อนห้างฯปิด ดังนั้นเวลาที่กระเช้าของขวัญของกลางถูกลักไปน่าจะก่อนเวลาที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกับ ว. จึงยังฟังไม่ได้แน่ชัดว่า จำเลยเป็นผู้ลักกระเช้าของขวัญ แต่พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ว. ถือกระเช้าของขวัญของกลางที่ถูกคนร้ายลักไปจากห้างผู้เสียหายในเวลาดึกดื่นและอ้างต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยว่าเป็นสิ่งของที่จำเลยได้มาจากการจับสลากของขวัญโดยไม่มีการจับสลากของขวัญที่ห้างผู้เสียหาย แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้รู้อยู่ว่ากระเช้าของขวัญของกลางเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต้องฟังว่าจำเลยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์
คำเบิกความของพยานโจทก์ไม่สามารถยืนยันว่าจำเลยได้รับไว้ซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักมาอย่างไรและจำเลยทราบหรือไม่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่สามารถฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับซื้อกระบือที่ได้จากการลักทรัพย์: เจตนาทุจริตและพฤติการณ์น่าสงสัยบ่งชี้การรู้ว่าเป็นของโจร
จำเลยรับซื้อ กระบือไว้ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาสอบถามจำเลยไม่บอกเจ้าพนักงานตำรวจว่าตนเองเป็นผู้ซื้อกระบือไว้และปิดบังผู้ขาย แต่กลับนำเจ้าพนักงานตำรวจติดตามหากระบือไปในที่ต่าง ๆ เป็นการกระทำที่ส่อถึงเจตนาที่ไม่สุจริตของจำเลยประกอบกับการซื้อขายไม่มีการพูดถึงตั๋วพิมพ์รูปพรรณว่ามีถูกต้องตรงกันหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่ง เป็นการผิดวิสัยของจำเลยซึ่งมีอาชีพรับซื้อขายกระบือเป็นประจำ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะนำกระบือที่ซื้อไปเลี้ยงในที่เปิดเผย และเวลากลางวันก็นำมาผูกไว้ที่บ้านซึ่งอยู่ติดถนน เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ของจำเลยก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยนำไปเลี้ยงและเก็บไว้รวมกับกระบือตัวอื่น ๆ ของจำเลยอีกถึง 4 ตัว ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่ากระบือทั้งหมดเป็นของจำเลย ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อกระบือไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5701/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การยึดครองทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์แสดงเจตนา
มีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป วันเกิดเหตุจำเลยเข้ามานั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจอดอยู่แล้วไขกุญแจรถ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจำเลยทิ้งรถวิ่งหนี แสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วไขกุญแจรถ เป็นการเข้ายึดถือครอบครองรถจักรยานยนต์ เมื่อจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5701/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การยึดครองทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์และการหลีกเลี่ยงเจ้าพนักงานตำรวจเป็นเหตุให้สันนิษฐานได้ว่ารู้ว่าเป็นของโจร
มีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป วันเกิดเหตุจำเลยเข้ามานั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจอดอยู่แล้วไขกุญแจรถเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจำเลยทิ้งรถวิ่งหนี แสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วไขกุญแจรถเป็นการเข้ายึดถือครอบครองรถจักรยานยนต์ เมื่อจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จเมื่อถุงพลาสติกออกจากที่เก็บ การรับซื้อทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์เข้าข่ายรับของโจร
ลูกจ้างประจำรถบรรทุกเอาถุงพลาสติกผงออกจากที่เก็บในรถส่งให้จำเลยรับท้ายรถเพื่อขายให้จำเลย ต้องถือว่าลูกจ้างได้เอาไปแล้วซึ่งพลาสติกนั้น ความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จตั้งแต่ลูกจ้างยกถุงพลาสติกออกจากที่เก็บแล้ว จำเลยรับซื้อพลาสติกนี้ไว้โโยรู้ว่าเป็นพลาสติกที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2398/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือจำหน่ายทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์ แม้เจ้าทรัพย์ไม่ได้ขอร้อง ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
จำเลยรู้แล้วว่ารถจักรยานยนต์ของเจ้าทรัพย์ถูกคนร้ายลักไป และจำเลยเป็นคนติดต่อเรียกค่าไถ่จากเจ้าทรัพย์จนได้มีการไถ่รถคันดังกล่าวคืนมา ทั้งนี้โดยไม่ปรากฏว่าเจ้าทรัพย์ขอร้องให้จำเลยช่วย และจำเลยเป็นคนรับเงินค่าไถ่ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยเหลือคนร้ายจำหน่ายทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7387/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การครอบครองทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์โดยรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองพระหลวงพ่อฤาษีลิงดำองค์ใหญ่ทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งถูกคนร้ายลักไปแล้วอ้างว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 ได้รับยกให้จากบิดาซึ่งเป็นความเท็จ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้รับทรัพย์ดังกล่าวมาโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยกระทำความผิด การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคแรก ซึ่งแตกต่างจากความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ที่โจทก์ฟ้อง กรณีเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง แต่ข้อที่แตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียดคือต่างกันระหว่างการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์กับรับของโจรซึ่งมิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยที่ 1 มิได้หลงต่อสู้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานรับของโจรตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้ตามความใน ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับซื้อทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์ แม้มีเจตนาค้ากำไร แต่ฟ้องไม่ชัดเจน ศาลลงโทษเฉพาะฐานรับของโจร
จำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยนำทรัพย์ดังกล่าวไปขายต่อ แม้จะเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรเพื่อค้ากำไรก็ตาม แต่เมื่อคำบรรยายฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยรับของโจรเพื่อค้ากำไร จึงมิอาจลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคสองได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะให้ลงโทษตามบทดังกล่าว คงลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคหนึ่ง เท่านั้น