คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5435/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ในคดีความผิดฐานรับของโจร โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครอง รถจักรยานยนต์ของกลางนั้นจำเลยก็ต้องนำสืบว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของ ที่ได้มาจากการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4102/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องเข้าข่ายรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด จึงจะมีความผิดฐานรับของโจร โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์
คดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย เมื่อนำสืบมารับฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนำอาวุธปืนของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา คดีก็รับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามรับของโจร: แม้ไม่สำเร็จก็มีความผิด หากแสดงเจตนาช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไป ต่อมาในคืนเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลาง เนื่องจากคนร้ายขับไปชนคนได้รับบาดเจ็บ การที่รถจักรยานยนต์ได้เข้ามาอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ในคดีที่เกิดขึ้นภายหลังโดยไม่ได้เข้ามาอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายและไม่ได้เข้ามาอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตำรวจในคดีที่มีการลักรถจักรยานยนต์ยังถือไม่ได้ว่าขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้นั้น รถจักรยานยนต์พ้นสภาพจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เพราะเจ้าพนักงานตำรวจที่ยึดไว้ก็ไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การที่จำเลยติดต่อ ช. ผู้รับฝากรถจักรยานยนต์ไว้ในคืนเกิดเหตุให้นำเงินไปไถ่ในวันรุ่งขึ้น เป็นการช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพที่ถูกลักมาแต่การช่วยจำหน่ายของจำเลยไม่สามารถที่จะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะรถจักรยานยนต์ยังอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตำรวจที่ยึดไว้ในคดีอื่น จำเลยไม่อาจช่วยให้มีการไถ่ถอนตามที่ได้เจตนาจะให้เกิดผลได้เลย จึงเป็นความผิดฐานพยายามรับของโจรที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรกประกอบมาตรา 81

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: โจทก์ต้องพิสูจน์ความรู้เป็นสำคัญ
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของคนร้าย เมื่อการนำสืบของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ในความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของคนร้าย เมื่อการนำสืบของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5158/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ แม้ไม่มีเจตนาซื้อขายหรือฝากเลี้ยง ก็ถือเป็นความผิดฐานรับของโจรได้
พฤติการณ์ที่จำเลยรับเป็ดของกลางจำนวนมากถึง 1,000 ตัวไว้จาก ป. โดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า รับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง: การรับจำนำทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาว่าจำเลยรู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่จำเลยรับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาของจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าทรัพย์ที่รับจำนำเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อของโดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
การซื้อขายวิทยุเทปติดรถยนต์ของกลางได้กระทำกันโดยเปิดเผยและจำเลยรับซื้อของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จำเลยจึงไม่มีความผิด เพราะขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6772/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: ความรู้เจตนาในการรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดมีผลต่อการลงโทษตามมาตรา 357
การจะลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้หนักขึ้นตามลักษณะฉกรรจ์ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคสองได้ ก็ต่อเมื่อได้ความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รู้อยู่แล้วว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 62 วรรคท้าย เมื่อทางพิจารณาได้ความเพียงว่า รถกระบะของกลางเป็นทรัพย์ที่ น. ได้มาจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รู้อยู่แล้วว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการชิงทรัพย์ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคสองได้ คงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 เท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ที่ถอนฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14359/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร - โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนา 'รู้' ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 รับทรัพย์ของกลางไว้ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของกลางนั้น จำเลยที่ 1 จะต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 รับแหวนทองฝังเพชรรูปข้าวหลามตัด 1 วง กล่องทองเหลืองรูปทรงกลมมีข้อความ "นครหลวงไทย" 3 กล่อง ตะกรุด 4 อัน และพระเครื่อง 50 องค์ ของกลาง โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ลำพังคำรับของจำเลยที่ 1 ที่ว่าจำเลยที่ 1 ได้ซื้อทรัพย์สินดังกล่าวมาจากชายคนหนึ่ง และคำรับของจำเลยที่ 1 ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา ก็เป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่จำเลยที่ 1 ก็ได้ให้การปฏิเสธในชั้นศาลว่าจำเลยที่ 1 ไม่รู้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พยานหลักฐานโจทก์จึงยังมีข้อสงสัยอยู่ตามสมควรว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง
of 2