พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5370/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ถูกยึด ต้องยื่นในชั้นบังคับคดี ไม่ใช่คดีใหม่
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดบังคับคดีเพื่อนำรายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีไปมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควร แทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 307 นั้นจะต้องดำเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดี โดยผู้ร้องชอบที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลในคดีซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไม่ใช่มายื่นคำร้องขอเพื่อดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3023/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: หนี้เดิมแปลงเป็นหนี้ใหม่ตามคำพิพากษาตามยอม แม้ทรัพย์สินถูกยึดโดยรัฐ ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้
การรับช่วงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 ได้แก่การเอาทรัพย์สินอันหนึ่งเข้าแทนที่ทรัพย์สินอีกอันหนึ่งในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน การที่ทรัพย์สินของสามีจำเลยและของจำเลยตกไปเป็นของรัฐตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นไปตามกฎหมาย และนโยบายของรัฐบาลไม่ใช่เป็นการช่วงทรัพย์และไม่ใช่เหตุสุดวิสัยจำเลยจึงหาหลุดพ้นจากความรับผิดที่จะต้อง ชำระหนี้แก่โจทก์ไม่
มูลหนี้เดิมในคดีล้มละลายเกิดจากสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ก่อสร้างบ้านพักของจำเลยอันเป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์ได้ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ เพื่อโจทก์จะได้อาศัยหนี้ตามคำพิพากษาไปยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากกระทรวงการคลัง ก็เป็นสิทธิอันชอบที่จะกระทำเช่นนั้นได้ การที่โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้แก่โจทก์ ในคดีแพ่งดังกล่าว มิใช่เกิดจากการสมยอมโดยปราศจากมูลหนี้อันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 94 เมื่อหนี้เดิมได้แปลงมาเป็นหนี้ใหม่ตามคำพิพากษาตามยอมจึงหาทำให้หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกลายเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอชำระได้ไม่และแม้จำเลยจะได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วถึงร้อยละ 79.01 เมื่อปรากฏว่าจำเลยค้างชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินถึงหนึ่งล้านสามแสนบาทเศษ และจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ และทรัพย์สินของจำเลยถูกยึดไปเป็นของรัฐหมดแล้วเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8, 9 จำเลยนำสืบไม่ได้ว่า อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด ทั้งไม่เป็นการแน่นอนว่าสามีจำเลยและจำเลยจะได้รับทรัพย์สินที่ถูกยึดคืนตามที่ร้องขอหรือไม่ คดีจึงมีเหตุสมควรให้ลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายได้
มูลหนี้เดิมในคดีล้มละลายเกิดจากสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ก่อสร้างบ้านพักของจำเลยอันเป็นหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์ได้ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ เพื่อโจทก์จะได้อาศัยหนี้ตามคำพิพากษาไปยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากกระทรวงการคลัง ก็เป็นสิทธิอันชอบที่จะกระทำเช่นนั้นได้ การที่โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้แก่โจทก์ ในคดีแพ่งดังกล่าว มิใช่เกิดจากการสมยอมโดยปราศจากมูลหนี้อันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 94 เมื่อหนี้เดิมได้แปลงมาเป็นหนี้ใหม่ตามคำพิพากษาตามยอมจึงหาทำให้หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกลายเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอชำระได้ไม่และแม้จำเลยจะได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วถึงร้อยละ 79.01 เมื่อปรากฏว่าจำเลยค้างชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินถึงหนึ่งล้านสามแสนบาทเศษ และจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ และทรัพย์สินของจำเลยถูกยึดไปเป็นของรัฐหมดแล้วเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8, 9 จำเลยนำสืบไม่ได้ว่า อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด ทั้งไม่เป็นการแน่นอนว่าสามีจำเลยและจำเลยจะได้รับทรัพย์สินที่ถูกยึดคืนตามที่ร้องขอหรือไม่ คดีจึงมีเหตุสมควรให้ลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องขัดทรัพย์ต้องมีสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด สัญญาจะซื้อขายยังไม่ทำให้เกิดสิทธิครอบครอง
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 จะมิได้บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 55 คือผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป.ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป.จะคืน น.ส.3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป.ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายจะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป.ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป.จะคืน น.ส.3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป.ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายจะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อเป็นพ้นวิสัยเมื่อทรัพย์สินถูกยึด จำเลยไม่มีสิทธิรับเงินค่าเช่าซื้อ
จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อ จึงมีหนี้ที่จะต้องให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าได้ใช้หรือรับประโยชน์จากรถยนต์นั้น แต่โจทก์ได้รถยนต์ไปใช้เพียง 3 เดือนยังไม่ถึง 24 เดือนตามที่ตกลงในสัญญาเช่าซื้อ โดยมิได้ผิดนัด ไม่ใช้เงินแก่จำเลย ก็ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดรถยนต์ไปจำเลยไม่สามารถส่งมอบรถคืนให้โจทก์ได้อีก การชำระหนี้ของจำเลยคือต้องให้โจทก์ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในรถยนต์คันนั้น กลายเป็นพ้นวิสัยเสียแล้ว โดยจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตอบแทน คือเงินที่โจทก์ได้ชำระครั้งแรกให้จำเลยในวันทำสัญญาเช่าซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยมีทรัพย์สินอื่นถูกยึดโดยเจ้าหนี้รายอื่น
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นย่อมมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยในคดีที่โจทก์ได้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดไว้ได้ ในเมื่อปรากฏว่าจำเลยยังมีทรัพย์อื่น แต่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่อาจยึดทรัพย์นั้นได้ตามกฎหมาย หรือจำเลยมีทรัพย์เป็นจำนวนไม่พอชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้โดยสิ้นเชิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ถือเป็นการกระทำที่ศาลสามารถเพิกถอนสัญญาได้
รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของผู้อื่นเสียหาย เขาได้มีหนังสือมาขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่เขา จำเลยไปติดต่อแล้ว แต่ว่าจะปรึกษากันดูก่อนครั้นแล้วกลับเอาที่ดินของจำเลยไปขายให้แก่พี่ชาย เพื่อป้องกันมิให้ถูกยึดทรัพย์ ถ้าแพ้คดีแก่เขา ซึ่งพี่ชายผู้รับซื้อก็ทราบดี ดังนี้ เมื่อเขาชนะคดีในเรื่องเรียกค่าเสียหายเพราะรถยนต์จำเลยชนรถยนต์ของเขาแล้ว เขามีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับพี่ชายเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่ถูกยึด ไม่อำนาจร้องขอปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288
เจ้าของร่วมคนหนึ่งในทรัพย์สินที่ถูกยึดจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดตาม ป.วิ.แพ่ง 288 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมทรัพย์สินถูกยึด ร้องขอปล่อยทรัพย์ตาม ม.288 ไม่ได้ จนกว่าจะแบ่งกรรมสิทธิ์
เจ้าของร่วมคนหนึ่งในทรัพย์สินที่ถูกยึดจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 288 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4619/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องล้มละลายไม่เป็นฟ้องซ้ำ หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงและทรัพย์สินถูกยึดโดยเจ้าหนี้รายอื่น
โจทก์ฟ้องคดีหลังอ้างเหตุความมีหนี้สินล้นพ้นตัวของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้โจทก์ได้และจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดีซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ อันเป็นคนละเหตุกับคดีก่อนที่อ้างว่าโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน การที่โจทก์ฟ้องคดีหลังซึ่งเป็นคดีล้มละลายเช่นเดียวกับคดีก่อนจึงมิได้เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับเหตุในคดีก่อนซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ไม่เป็นฟ้องซ้ำ