คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สินเพียงพอ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีล้มละลาย: ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยมูลหนี้ หากจำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอ ชำระหนี้ได้
เมื่อจำเลยมิใช่เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวกรณีก็ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 9 ที่โจทก์จะฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายได้ ศาลหาจำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามมูลหนี้ในฟ้องหรือไม่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีล้มละลาย: ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยมูลหนี้ หากจำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอ ชำระหนี้ได้
เมื่อจำเลยมิใช่เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวกรณีก็ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา9ที่โจทก์จะฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายได้ศาลหาจำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามมูลหนี้ในฟ้องหรือไม่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6271/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: จำเลยยังมีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ เจ้าหนี้รายอื่นไม่ได้เสียประโยชน์
จำเลยมีเงินเหลือจากการไถ่ถอนจำนองเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายอื่นได้ทั้งหมดหาใช่จำเลยไม่มีทรัพย์สินใดๆพอจะชำระหนี้ได้ไม่การที่จำเลยนำเงินไปวางชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำพิพากษาแม้จำเลยได้กระทำในระหว่างระยะเวลา3เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านได้ตามมาตรา115แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 ผู้คัดค้านแก้ฎีกาขอให้ผู้ร้องชดใช้ดอกเบี้ยโดยมิได้ทำเป็นฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาบุคคลล้มละลาย: ทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ ไม่ถือเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยมีทรัพย์สินเป็นห้องชุดจำนวน 135 ห้อง มีราคาประมาณ200,000,000 บาท ถึง 300,000,000 บาท จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 1,400,000 บาทเศษ และเป็นหนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประมาณ 110,000,000 บาท นอกจากนี้จำเลยได้นำเงินสดจำนวน1,834,000 บาท มาแสดงต่อหน้าศาล แสดงว่าจำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2201/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ถอนยึดทรัพย์ทั้งหมดเมื่อพบว่าจำเลยมีทรัพย์สินพอชำระหนี้และประกอบกิจการตามปกติ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษากรณีฉุกเฉินและยกคำร้องที่จำเลยขอให้ถอนการยึด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ถอนการยึดเฉพาะทรัพย์บางรายการ ดังนี้ จำเลยฎีกาให้ถอนการยึดทั้งหมดได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถึงที่สุด