คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทราบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8746/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจและผลของการทราบวันนัดพิจารณาคดี แม้ผู้รับมอบฉันทะทราบแล้ว ถือว่าจำเลยทราบ
จำเลยมอบอำนาจให้ ภ. บุตรชายยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแทน โดยในใบมอบฉันทะระบุข้อความว่า จำเลยยอมรับผิดในกรณีที่ผู้รับมอบฉันทะของจำเลยได้ทำการไปนั้นทุกประการ และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยโดย ภ. ได้ลงลายมือชื่อทราบกำหนดวันนัดสืบพยานใหม่แล้ว ถือได้ว่า ภ. เป็นผู้มีสิทธิทำการแทนจำเลยในการขอเลื่อนคดีและกำหนดวันนัด เมื่อ ภ. ได้ทราบวันนัดพิจารณาแล้วจึงถือว่าจำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้ว การที่จำเลยอ้างว่าเข้าใจผิดและไม่มีเจตนาที่จะไม่ไปศาลในวันนัดดังกล่าว เป็นเรื่องความเข้าใจผิดโดยมีมูลเหตุมาจากความเข้าใจของจำเลยเอง ถือว่าเป็นการจงใจของจำเลยที่จะไม่ไปศาลตามกำหนดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีที่ไม่ชอบ ศาลไม่อาจถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษา
พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายความของจำเลยทั้งสอง ณ สำนักงานของทนายจำเลยทั้งสองแต่ไม่พบตัวเนื่องจากย้ายสำนักงานไปแล้ว อีกทั้งมิได้มีการส่งหมายนัดดังกล่าวให้แก่ตัวความจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองรวมทั้งทนายความของจำเลยทั้งสองยังไม่ทราบวันนัดเพราะการปิดหมายของพนักงานเดินหมาย ณ สำนักงานทนายความของจำเลยทั้งสองซึ่งย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนั้นเป็นการแจ้งวันนัดขัดต่อความเป็นจริง การที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าว และถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับเมื่อทราบตัวผู้ต้องรับผิดชอบ
การที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำส่งเงินที่ขาดบัญชีต่อโจทก์มิใช่เป็นการแจ้งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะขณะนั้นโจทก์ยังไม่ทราบว่าผู้ใดประมาทเลินเล่อและต้องรับผิดชอบบ้าง แต่เมื่อโจทก์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งแล้วคณะกรรมการทำรายงานเสนอโจทก์ว่าจำเลยต้องรับผิดร่วมกัน ส. โดยโจทก์ลงนามทราบรายงานของคณะกรรมการดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2529 แล้วมีหนังสือแจ้งให้จำเลยชดใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์นั้น ถือว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วตั้งแต่วันที่ 8ตุลาคม 2529 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2530 คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก.จังหวัด: นับแต่วันมีคำวินิจฉัย แม้ผู้อุทธรณ์ยังไม่ทราบ
พระราชบัญญัติ ญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57ได้กำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดไว้อย่างช้าที่สุดไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัยกำหนดระยะเวลาอย่างช้าที่สุดดังกล่าวไม่คำนึงว่าผู้อุทธรณ์ได้ทราบถึงคำวินิจฉัยนั้นแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่ที่เกินกำหนดระยะเวลาและทราบถึงการบังคับคดี
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน 30 วัน และได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2521 หลังจากครบกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์ได้ดำเนินการขอให้ศาลบังคับคดีขับไล่บริวารจำเลยออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดมา และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2526 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาสอบถามในวันที่ 27 ธันวาคม 2526 จำเลยรับหมายเรียกวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ถึงวันนัดสอบถามจำเลยก็แถลงว่า ยังอยู่ในที่พิพาท และขอเวลาขนย้ายทรัพย์สินออกไปภายใน 2 เดือน การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทและแถลงยินยอมออกไปจากที่พิพาท แสดงว่า จำเลยได้ทราบถึงการถูกฟ้อง การส่งคำบังคับและการบังคับตามคำพิพากษาที่กระทำกันมาแต่ต้นเป็นอย่างดีแล้ว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 11 มกราคม 2526จึงเป็นการยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง ทั้งยังพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่มีการบังคับตามคำพิพากษา จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรู้ประกาศเป็นองค์ความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศห้ามขนย้ายข้าว โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยทราบประกาศ
การที่จะเอาความผิดแก่จำเลยในกรณีฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบให้ได้ความว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ลำพังแต่ได้ความว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วหาเพียงพอที่จะถือว่าได้รู้ถึงประชาชนแล้วไม่ เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศแล้ว จำเลยจงใจฝ่าฝืน กรณีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลย (อ้างฎีกาที่ 1176/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอห้ามชั่วคราว แม้ไม่ได้รับสำเนาคำร้อง หากทราบและแถลงคัดค้านในศาลก็มีผลเท่ากัน
ในคดีที่มีคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวตาม ม.256 แม้อีกฝ่ายไม่ได้รับสำเนาคำร้องแต่เมื่อได้ทราบคำร้องนั้นถึงกับได้มาแถลงในคราวศาลนัดพร้อมแล้ว มีผลเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อทราบทั้งการละเมิดและตัวผู้ต้องรับผิด
การนับอายุความ 1 ปีเรื่องละเมิดตาม ม.448 นั้น ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายทราบจากรายงานของกรรมการถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น หาใช่นับจากวันที่รู้ว่ามีผู้ยักยอกเงินของผู้เสียหายไม่
แม้ฟ้องของโจทก์ได้กล่าวหาถึงการกระทำของจำเลยทั้งจงใจและประมาทเลิ่นเล่อก็ดี แต่ในฟ้องก็ได้กล่าวข้อเท็จจริงโดยละเอียดแล้วเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้อที่อาศัยเป็นหลักแหล่งข้อหาแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งมีผลเมื่อผู้ถูกอุทธรณ์ทราบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเขียนคำสั่งลงวันที่ 8 มิ.ย. 96 แต่ไม่ปรากฏว่าศาลได้นำคำสั่งนั้นออกอ่านหรือเพื่ออ่านและไม่ปรากฏว่าได้มีการจดแจ้งว่าได้มีการอ่านคำสั่งนั้นในรายงานใดๆ ในวันที่ 8 นั้นเลย จำเลยเพิ่งเซ็นทราบคำสั่งนั้นในวันที่ 9 ดังนี้ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 9
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกิน 10 วันตามมาตรา 234 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยเสียนั้นจำเลยฎีกาต่อศาลฎีกาว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ภายใน10 วันหาเกินไม่ ดังนี้ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีค้ากำไรเกินควร การทราบประกาศเป็นองค์ประกอบที่ต้องพิสูจน์ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าสเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าสให้นายทองไป 1 ลิตร ราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว.
of 2