คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทางน้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7224/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการใช้ประโยชน์จากทางน้ำ คลองพิพาท จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งกีดขวางและห้ามกระทำการซ้ำ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและขนขยะที่ขวางทางน้ำออกไปจากคลองพิพาทและห้ามจำเลยกระทำการกีดขวางทางน้ำในคลองดังกล่าวอีกจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าแนวลำคลองด้านทิศใต้ของที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโจทก์ปรากฏว่ามีน้ำขังอยู่ในสภาพเน่าเหม็น และระดับน้ำสูงเกือบถึงชายฝั่งคลองยาวตลอดแนวไปถึงแนวเขตที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้าน ที่ดินพิพาทยังมีขยะทับถมกั้นทางน้ำไหลอยู่ บริเวณด้านใต้ของขยะมีน้ำขังอยู่พอสมควร ส่วนลำคลองด้านทิศเหนือของที่พิพาทซึ่งปรากฏมีแนวลำคลองต่อจากท่อระบายน้ำห่างจากที่พิพาทประมาณ 80 เมตรซึ่งมีน้ำไหลในทางทิศเหนือต่อไปถึงคลองใหญ่และบริเวณที่นาของโจทก์ซึ่งอยู่ติดลำคลองด้านทิศใต้ ต้นมะขามเทศที่โจทก์ปลูกอยู่ในแนวคันนาบางต้นอยู่ในสภาพใบเหลืองเนื่องจากน้ำท่วมขังถึงโคนต้น อันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเสียหายเนื่องมาจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง กรณีจึงมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่โจทก์ขอมาใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7224/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำและคุ้มครองสิทธิของโจทก์จากการกระทำของจำเลยที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินและทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและขนขยะที่ขวางทางน้ำออกไปจากคลองพิพาทและห้ามจำเลยกระทำการกีดขวางทางน้ำในคลองดังกล่าวอีกจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าแนวลำคลองด้านทิศใต้ของที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโจทก์ปรากฏว่ามีน้ำขังอยู่ในสภาพเน่าเหม็น และระดับน้ำสูงเกือบถึงชายฝั่งคลองยาวตลอดแนวไปถึงแนวเขตที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้าน ที่ดินพิพาทยังมีขยะทับถมกั้นทางน้ำไหลอยู่ บริเวณด้านใต้ของขยะมีน้ำขังอยู่พอสมควร ส่วนลำคลองด้านทิศเหนือของที่พิพาทซึ่งปรากฏมีแนวลำคลองต่อจากท่อระบายน้ำห่างจากที่พิพาทประมาณ 80 เมตร ซึ่งมีน้ำไหลในทางทิศเหนือต่อไปถึงคลองใหญ่และบริเวณที่นาของโจทก์ซึ่งอยู่ติดลำคลองด้านทิศใต้ ต้นมะขามเทศที่โจทก์ปลูกอยู่ในแนวคันนาบางต้นอยู่ในสภาพใบเหลืองเนื่องจากน้ำท่วมขังถึงโคนต้นอันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเสียหายเนื่องมาจากการกระทำของจำเลยทั้งสองกรณีจึงมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่โจทก์ขอมาใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9308/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางน้ำชลประทานเป็นทางสาธารณะ แม้มีอำนาจจำกัดการใช้ แต่ไม่ได้ทำให้ทางน้ำนั้นกลายเป็นส่วนตัว
คลองชลประทานซึ่งเป็นทางน้ำที่ราษฎรทั่วไปมีสิทธิใช้สัญจรไปมาได้เป็นทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349,1350 แม้พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 มาตรา 15 จะบัญญัติให้อธิบดีกรมชลประทานมีอำนาจ (1) ปิด ฯลฯ (2) ขุดลอก ฯลฯ(3) ห้ามจำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทาน (1) หรือ (2) ได้แต่ก็เป็นการกำหนดไว้เพื่อให้อธิบดีกรมชลประทาน จัดการดูแลรักษาทางน้ำชลประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเพื่อประโยชน์ของการชลประทานเท่านั้นหาทำให้ทางน้ำ ที่ราษฎรใช้ในการคมนาคมกลายสภาพเป็นทางน้ำที่ไม่ใช่ทาง สาธารณะไม่ ที่ดินของโจทก์ทั้งสามจึงมีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ทั้งสามย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดิน ของจำเลยทั้งสองซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5176/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจดูแลรักษาทางน้ำสาธารณสมบัติ และอำนาจฟ้องร้องบังคับใช้
เทศบาลโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากกรมเจ้าท่าให้มีอำนาจดูแลรักษาทางน้ำอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือทรัพย์สินของแผ่นดิน อธิบดีกรมเจ้าท่าผู้ร้องสอดที่ 1 เป็นผู้แทนของกรมเจ้าท่า และได้มอบหมายแต่งตั้งให้เจ้าท่าภูมิภาคที่ 1ผู้ร้องสอดที่ 2 มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาลำน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่เกิดเหตุที่จำเลยถม เท ทิ้งหิน กรวด ทราย ดิน และสิ่งของอื่น ๆ ลงที่ชายตลิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถใช้แม่น้ำดังกล่าว ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากกรมเจ้าท่าจึงสามารถดำเนินการบังคับตามอำนาจหน้าที่ของผู้ร้องสอดทั้งสองได้อยู่แล้ว ผู้ร้องสอดทั้งสองจึงไม่มีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิในทางน้ำโดยชอบธรรมและการยินยอมใช้สิทธิโดยไม่ก่อให้เกิดสิทธิถาวร
การใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นความเสียหายในสิทธิที่บทบัญญัติกฎหมายรับรองไว้ เมื่อทางน้ำพิพาทที่จำเลยที่ 6ในฐานะผู้เช่าที่ดินมาจากจำเลยที่ 4 และที่ 5 ผู้ทรงสิทธิเก็บกินในที่ดินดังกล่าวได้ขุดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยน้ำนั้นมิใช่ทางน้ำสาธารณะ การที่โจทก์ทั้งสี่ขุดทางน้ำต่อจากทางน้ำพิพาทเพื่อชักน้ำให้ไหลเข้าที่ดินของโจทก์ทั้งสี่เพื่อนำไปใช้โดยจำเลยที่ 6 มิได้ทักท้วง เป็นการยินยอมให้โจทก์ทั้งสี่กระทำได้โดยชอบ ไม่เป็นมูลละเมิดต่อจำเลยที่ 6 แต่การชักน้ำดังกล่าวก็มิใช่เป็นสิทธิที่กฎหมายบัญญัติรับรองไว้ และไม่ก่อให้โจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิจะใช้ทางน้ำได้ตลอดไป เมื่อจำเลยที่ 6 ปิดทางน้ำของตน จึงมิใช่เป็นการล่วงสิทธิโจทก์ทั้งสี่ตามกฎหมาย แม้โจทก์ทั้งสี่จะเดือดร้อนเพราะการกระทำของจำเลยที่ 6 โจทก์ทั้งสี่ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องขอให้จำเลยที่ 6 เปิดทางน้ำพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางน้ำร่วมกันระหว่างเพื่อนบ้าน ไม่ถือเป็นการได้ภารจำยอมหากใช้โดยวิสาสะ
โจทก์และจำเลยทั้งสองปลูกบ้านอยู่บนที่ดินซึ่งอยู่ติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวจากด้านทิศเหนือมาทิศใต้ ระหว่างแนวกำแพงบ้านโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นช่องว่างซึ่งมีทางน้ำเก่าดั้งเดิม ใช้มานาน 45 ปี เป็นทางน้ำคู่กันมาเริ่มจากหน้าบ้านถึงจุดที่อยู่ห่างจากหลักโฉนด หน้าบ้าน 21 เมตร จากนั้นจึงเป็นรางน้ำร่วมกันไปจดหลังบ้าน ทางน้ำร่วมกันนี้กว้าง 50 เซนติเมตรลึก 50 เซนติเมตร ยาว 11 เมตร สำหรับทางน้ำคู่กันมาตั้งแต่หน้าบ้านถึงตรงจุด 21 เมตรนั้น เชื่อว่าอยู่ในเขตที่ดินของแต่ละฝ่าย แต่รางน้ำร่วมกันตั้งแต่จุด 21 เมตร ลงมาทางทิศใต้จนจดหลังบ้านปรากฏว่า ชายคา บ้านโจทก์ล้ำเข้าไปในเขตที่ดินจำเลยบางส่วน และมีแนวทางน้ำบางส่วนล้ำเข้าไปในที่ดินจำเลยบางส่วนล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ โดยมีทางน้ำของแต่ละฝ่ายคู่ขนานกันมาแต่ดั้งเดิม ดังนี้ ย่อมเห็นลักษณะการใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินแต่ละฝ่ายได้ว่าเป็นการใช้สิทธิในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เป็นการใช้โดยวิสาสะไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาให้ได้ภารจำยอม ที่ดินจำเลยในส่วนที่แนวรางน้ำล้ำเข้ามาจึงไม่ตกเป็นภารจำยอม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1401.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การใช้ทางน้ำร่วมกันโดยวิสาสะ ไม่ถือเป็นการได้มาซึ่งภารจำยอมตามกฎหมาย
โจทก์และจำเลยทั้งสองปลูกบ้านอยู่บนที่ดินซึ่ง อยู่ติด กันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวจากด้าน ทิศเหนือมาทิศใต้ ระหว่างแนวกำแพงบ้านโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นช่องว่างซึ่ง มีทางน้ำเก่าดั้งเดิมใช้ มานาน 45 ปี เป็นทางน้ำคู่กันมาเริ่มจากหน้าบ้านถึง จุดที่อยู่ห่างจากหลักโฉนด หน้าบ้าน 21 เมตร จากนั้นจึงเป็นรางน้ำร่วมกันไปจนจรดหลังบ้าน ทางน้ำรวมกันนี้กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 40 เซนติเมตรยาว 11 เมตร สำหรับทางน้ำคู่กันมาตั้งแต่ หน้าบ้านถึงตรง จุด 21 เมตรนั้น เชื่อว่าอยู่ในเขตที่ดินของแต่ ละฝ่าย แต่ รางน้ำร่วมกันตั้งแต่จุด 21 เมตร ลงมาทางทิศใต้จนจดหลังบ้านปรากฏว่า ชายคา บ้านโจทก์ล้ำ เข้าไปในเขตที่ดินจำเลยบางส่วน และมีแนวทางน้ำบางส่วนล้ำ เข้าไปในที่ดินจำเลย บางส่วนล้ำ เข้าไปในที่ดินโจทก์ ดัง นี้ ย่อมเห็นลักษณะการใช้ สิทธิของเจ้าของที่ดินแต่ ละฝ่ายได้ ว่าเป็นการใช้ สิทธิในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เป็นการใช้โดย วิสาสะ ไม่ถือ เป็นการใช้ สิทธิโดยสงบ เปิดเผย ด้วย เจตนาให้ได้ ภารจำยอม ที่ดินจำเลยในส่วนที่แนวรางน้ำล้ำ เข้ามาจึงไม่ตก เป็นภารจำยอม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ฟ้องแย้งจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม แม้ในศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ แต่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมและไม่รับวินิจฉัยฟ้องแย้งจำเลยได้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินพังทลายเป็นทางน้ำสาธารณะ ย่อมกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การรังวัดแบ่งแยกที่ดินจึงถูกต้องตามกฎหมาย
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด แต่ได้พังทลายเป็นทางน้ำสาธารณะไปแล้ว ย่อมกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดกั้นทางน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินแปลงล่าง ถือเป็นการละเมิด
ที่ดินจำเลยอยู่ทางทิศใต้ติดต่อกับที่ดินโจทก์ และมีสภาพเป็นที่ต่ำกว่าที่ดินโจทก์ มีทางน้ำธรรมชาติกว้าง 3 เมตร ผ่านที่ดินโจทก์ไปสู่ที่ดินจำเลย การที่จำเลยทำคันดินกั้นทางน้ำนั้นแล้วฝัง่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วไว้แทนในที่ดินจำเลย เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 วรรคแรก ที่บัญญัติให้เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน เมื่อน้ำท่วมที่ดินโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำระบายไม่ทันถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนคันดินกั้นทางน้ำออกและเรียกร้องค่าเสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ทางน้ำในที่ดิน: ทางน้ำธรรมชาติในที่ดินส่วนบุคคลมิใช่ทางน้ำสาธารณะหากมิได้อุทิศให้แก่สาธารณะ
ทางน้ำพิพาทในที่นาของโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำในร่องน้ำกุดปลาค้าวที่อยู่ทางทิศตะวันตกนาโจทก์ไหลซัดเซาะเข้ามาในนาของโจทก์เมื่อประมาณ 16 ปีมานี้ แล้วไหลผ่านนาโจทก์ไปทางทิศตะวันออกเป็นทางน้ำคดเคี้ยวไปจดลำห้วยหนองขอนกลองซึ่งอยู่นอกที่นาของโจทก์นั้น เป็นทางน้ำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แม้กำเนิดของทางน้ำจะอยู่นอกเขตที่นาของโจทก์ก็ต้องเป็นของโจทก์ ทางน้ำดังกล่าวจะเป็นทางน้ำสาธารณะได้ก็โดยโจทก์อุทิศให้แก่ทางการโดยตรงหรือโดยปริยาย การที่ประชาชนปล่อยสัตว์พาหนะลงกินน้ำที่ทางน้ำพิพาทยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทิศโดยปริยายทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นทางน้ำสาธารณะ โดยสภาพตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมา
of 4