คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทางเอก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4461/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางแยกทางเอกตัดกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบด้วยกฎหมาย
บริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุต่างเป็นทางเอกตัดกัน ไม่มีป้ายสัญญาณจราจร ผู้ขับรถทั้งสองทางจึงต้องหยุดรอให้รถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกผ่านไปก่อน แต่พฤติการณ์ที่รถทั้งสองคันชนกัน แสดงว่าต่างแล่นมาถึงสี่แยกในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ได้ความชัดว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาถึงก่อน กรณีเช่นนี้หากทั้งสองฝ่ายใช้ความระมัดระวังดูให้ปลอดภัยก่อนเข้าสี่แยกก็สามารถหยุดให้รถอีกฝ่ายหนึ่งแล่นผ่านสี่แยกไปได้โดยไม่เกิดเหตุชนกันขึ้น การที่รถทั้งสองคันเกิดชนกันเช่นนี้เห็นได้ว่าเกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนประมาทไม่ใช้ความระมัดระวังดูให้ปลอดภัยก่อนขับรถเข้าสู่สี่แยก และเป็นความประมาทที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ค่าเสียหายของรถทั้งสองคันจึงต่างต้องตกเป็นพับกันไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่ถึงก่อนผ่านก่อน หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ. ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่มาถึงก่อนผ่านก่อน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.71(1) หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ.ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4573/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชนสี่แยก: ผู้ขับขี่ทางเอกต้องหลีกเลี่ยงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกระชั้นชิด แม้ใช้ความเร็วตามกฎหมาย
ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยก จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ตามถนน ซึ่งเป็นทางเอกเข้ามาในทางร่วมก่อน แล้วรถยนต์เก๋งที่จำเลยที่ 3 ขับตามถนนซึ่งเป็นทางโทแล่นเจ้ามาในทางร่วมชนรถจักรยานยนต์ บริเวณท้ายรถรถจักรยานยนต์แฉลบเข้าไปในช่องทางเดินรถยนต์โดยสาร ที่จำเลยที่ 2 ขับสวนทางมาเป็นเหตุกระทันหันกระชั้นชิด แม้จำเลยที่ 2 จะใช้ความเร็วตามกฎหมาย ก็ไม่อาจห้ามล้อลดความเร็วหลีกเลี่ยง การชนรถจักรยานยนต์ได้ การที่เกิดชนกันขึ้นทำให้ผู้เสียหายซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้รับอันตรายสาหัส จึงมิใช่เพราะความประมาท ของจำเลยที่ 1 และที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในเหตุละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ผู้ขับขี่ทางโทประมาทเป็นเหตุให้ชนรถทางเอก
ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ชำนาญพอ ขับรถทางโทโดยประมาทพุ่งเข้าชนรถยนต์จำเลยที่ขับอยู่ในทางเอก ดังนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายฝ่ายเดียว หาใช่เป็นผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยขับรถยนต์ เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถที่ทางร่วม: ผู้ขับรถทางเอกต้องระมัดระวังและลดความเร็วเมื่อมีรถจากทางโท
คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ขับรถผ่านทางแยกด้วยความเร็วสูงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่ลดความเร็วและไม่ห้ามล้อเมื่อเห็นรถจำเลยแล่นผ่านทางแยกอยู่ข้างหน้าโดยถือว่ารถคันที่ตนขับแล่นอยู่ในทางเอก แม้รถจำเลยจะแล่นมาจากทางโท แต่รถจำเลยไปถึงสี่แยกที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางร่วมก่อนจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านทางแยกไปก่อนได้ เมื่อรถของโจทก์ที่ 1 ชนรถจำเลยจึงถือว่าเป็นความประมาทของคนขับรถโจทก์ที่ 1 แต่ฝ่ายเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททางจราจร: รถทางเอกต้องชะลอความเร็ว แม้ทางโทผิดก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
รถจำเลยที่ 2 ออกจากทางโทต้องระวังให้รถจำเลยที่ 1 ในทางเอกผ่านไปก่อน แต่รถในทางเอกก็ต้องชะลอความเร็วลง รถทั้งสองชนกันในทางเอก รถในทางเอกเลยไปชนรถโจทก์เสียหาย รถทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ศาลให้รถจำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการผ่านทางสี่แยก: รถที่มาถึงก่อนมีสิทธิไปก่อน แม้จะเป็นทางเอกด้วยกัน
ในทางเอกด้วยกัน ณ ที่ร่วมกันตัดกัน หรือแยกกัน ให้รถที่มาจากทางซ้ายผ่านไปก่อนนั้น หมายถึงกรณีที่รถทั้งสองคันมาถึงปากทางที่ร่วมกัน ตัดกัน หรือแยกกัน พร้อมกัน แต่ถ้าหากรถคันทางขวามาถึงทางดังกล่าวแล้วก่อน ก็หาจำต้องหยุดรอให้รถคันทาางซ้ายผ่านไปก่อนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10388/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สี่แยกทางโทต้องหยุดรอทางเอก การคาดคะเนความเร็วรถผู้อื่นโดยไม่ปฏิบัติตามป้ายจราจร ถือเป็นความประมาท
ทางเดินรถของ ว. ลูกจ้างโจทก์เป็นทางโท รถในทางโทต้องยอมให้รถในทางเอกผ่านไปก่อนทั้งบริเวณสี่แยกเกิดเหตุมีป้ายจราจร "หยุด" ซึ่งบังคับให้รถในทางโทต้องหยุดรถเพื่อรอให้รถที่มาจากทางเอกผ่านพ้นสี่แยกไปก่อนจึงจะขับผ่านสี่แยกเกิดเหตุได้ แม้รถในทางโทจะมาถึงสี่แยกก่อนแต่ถ้าไม่สามารถขับผ่านสี่แยกไปด้วยความเร็วตามปกติและตามพฤติการณ์ในขณะนั้นได้โดยปลอดภัยแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามป้ายจราจรดังกล่าวโดยหยุดรถเพื่อรอให้รถในทางเอกผ่านไปก่อน ว. ซึ่งขับรถยนต์โดยสารประจำทางในทางโทที่มีป้ายจราจรหยุดจะคาดคะเนเอาเองว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งขับรถยนต์บรรทุกในทางเอกเห็นรถในทางโทมาถึงและใช้ทางแยกก่อนแล้ว จะต้องหยุดรถโดย ว. ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎและป้ายจราจรหาได้ไม่ การที่ ว. ขับรถผ่านเข้าไปในสี่แยกเกิดเหตุโดยคาดคะเนเอาเองว่าจำเลยที่ 1 จะต้องชะลอและหยุดรถรอให้ ว. ขับรถผ่านไปก่อนย่อมเป็นการเสี่ยงภัยก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย ทั้งเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎและป้ายจราจร ถือว่า ว. ประมาทเลินเล่อ เมื่อเกิดเหตุรถยนต์ชนกัน ว. จึงมีส่วนประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจำเลยที่ 1