คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทารุณโหดร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3891/2548 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กักขังเรียกค่าไถ่ด้วยความทารุณโหดร้าย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคสอง
จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีและพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปที่เคหสถาน อันเป็นที่พักอาศัยของโจทก์ร่วม แล้วใช้อาวุธปืนขู่บังคับโจทก์ร่วมกับรื้อค้นเอาเงินจำนวน 3,000 บาท และนาฬิกาข้อมือราคา 150,000 บาทไป จากนั้นจำเลยเอาเสื้อคลุมศีรษะโจทก์ร่วมบังคับให้ขึ้นรถยนต์ที่ติดเครื่องรออยู่หน้าที่พักอาศัยของโจทก์ร่วมแล้วขับรถนำโจทก์ร่วมไปกักขังไว้ และส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปยังภริยาและบุตรของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในต่างประเทศ จนภริยาของโจทก์ร่วมตกลงจ่ายค่าไถ่ให้จำเลยจำนวน 275,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างที่โจทก์ร่วมถูกกักขัง จำเลยได้มัดโจทก์ร่วมด้วยโซ่ที่มือ เท้าทั้งสองข้างและใส่กุญแจ และจำเลยควบคุมตัวโจทก์ร่วมอยู่ตลอดเวลา เมื่อโจทก์ร่วมจะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ จำเลยทั้งสองจะช่วยถอดกางเกงให้ โจทก์ร่วมถูกกักขังอยู่ในลักษณะดังกล่าวเป็นเวลา 133 วัน จึงหลบหนีออกไปได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ร่วมหมดอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายไปที่อื่นและไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองได้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่ได้รับประทานยาแก้โรคเบาหวาน ทำให้อาการกำเริบ มีเลือดปนออกมากับอุจจาระและปัสสาวะ การกระทำของจำเลยต่อโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยทรมานจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 313 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1817/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย: การเชือดคอจนถึงแก่ความตายเข้าข่ายกระทำทารุณหรือไม่
จำเลยจับผู้ตายลากเข้าไปในบ้านใช้มีดเชือดคอลึกถึงกระดูกต้นคอ จำเลยใช้เวลานานกว่าจะเชือดคอผู้ตายจนมีบาดแผลยาวรอบคอ ทำให้ผู้ตายส่งเสียงร้องเพราะได้รับความเจ็บปวดทรมานเป็นการใช้วิธีการโหดร้ายในการฆ่าผู้ตาย จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1817/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย: การพิจารณาบาดแผลและเสียงร้องของผู้ตายเป็นองค์ประกอบสำคัญ
จำเลยจับผู้ตายลากเข้าไปในบ้านเกิดเหตุแล้วปิดประตูหน้าต่างทั้งหมดเจ้าพนักงานตำรวจมาถึงไม่สามารถเข้าไปได้ คงได้ยินเสียงผู้ตายร้องให้ช่วยเหลือสลับกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจึงพังประตูบ้านเข้าไป พบผู้ตายถูกจำเลยใช้อาวุธมีดเชือดคอยาวประมาณ30เซนติเมตรลึกถึงกระดูกต้นคอที่ศรีษะมีบาดแผลฉีกขาดยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลก กับมีบาดแผลบริเวณหน้าผากยาวประมาณ 4 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยต้องใช้เวลานานกว่าจะเชือดคอผู้ตายจนมีบาดแผลยาวรอบคอ ทำให้ผู้ตายส่งเสียงร้องเพราะได้รับความเจ็บปวดทรมาน เห็นได้ชัดว่าจำเลยใช้วิธีการโหดร้ายในการฆ่าผู้ตาย จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576-577/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน/ทารุณโหดร้าย พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับการทำร้ายและทิ้งศพลงน้ำ
แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่มีพยานมาเบิกความให้เห็นว่านับจากเวลาที่ผู้ตายทั้งสามถูกนำตัวขึ้นรถไปจนถึงเวลาที่ผู้ตายทั้งสามถูกฆ่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวกที่หลบหนีได้กระทำอย่างไรบ้าง แต่จากบาดแผลที่ผู้ตายทั้งสามได้รับตามรายงานการตรวจศพของแพทย์ ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสามมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะเป็นจำนวนมาก บาดแผลส่วนใหญ่เกิดจากถูกตีด้วยของแข็งที่มีน้ำหนักมากจนกะโหลกศีรษะของแต่ละคนแตกกระจายทั่วไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีเนื้อสมองออกมาจากบาดแผล สำหรับ ส.และ ช.ผู้ตายยังพบเศษดินโคลนและน้ำในหลอดลมซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า ผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตายเนื่องจากสมองถูกทำลายจากของแข็งกระทบกระแทกและขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ชี้ให้เห็นว่าก่อนผู้ตายทั้งสามจะถึงแก่ความตายได้ถูกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวกใช้ของแข็งไม่มีคมทุบตีที่บริเวณศีรษะอย่างรุนแรงหลายครั้งจนกระโหลกศีรษะแตกกระจายเนื้อสมองไหลออกมาจากบาดแผล หลังจากนั้นยังถูกนำไปทิ้งน้ำทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีเจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยการทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย และเหตุบรรเทาโทษจากคำรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีจนกะโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตาม ป.อ. มาตรา 289 (5) แต่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนตาม ป.อ. มาตรา 289 (7)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางแผนร่วมกันฆ่าโดยเจตนาและทารุณโหดร้าย การรับสารภาพที่ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 2 นาฬิกา ขณะที่นาง ส.นอนหลับอยู่ในห้องนอนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากชั้นสามที่ผู้ตายนอนอยู่ นางส.วิ่งไปบอก ให้ม.ไปดูผู้ตาย แต่เปิดประตูห้องนอนของผู้ตายไม่ได้ ม. และคนงานช่วยกันใช้ชะแลงงัดประตูระหว่างที่งัดประตูได้ยินเสียงผู้ตายตะโกนว่า "มึงมาทำกูทำไมวะ" แล้วมีเสียงยามตะโกนว่านั่นไงคนร้ายม.หันไปเห็นคนร้ายกำลังโหน ตัวลงมาจากชั้นสามจึงวิ่งจากชั้นสองไปออกประตูห้องครัวชั้นล่าง ขณะกำลังเปิดประตูห้องครัวออกไป คนร้ายซึ่งวิ่งไปถึงกำแพงรั้วยิงปืนมาแต่ไม่ถูกผู้ใด ม. ยิงปืนสวนกลับไปกระสุนปืนถูกคนร้ายที่สะโพก คนร้ายล้มฟุบอยู่ที่ข้างกำแพง ม. จึงเข้าไปจับคนร้ายคือจำเลยที่ 1 ได้และพบอาวุธปืนตกอยู่ข้างตัวจำเลยที่ 1 หลังจากนั้น ม.กลับไปดูผู้ตายโดยมีเจ้าพนักงานตำรวจมาช่วยงัดประตูขึ้นไปชั้นสามได้ พบผู้ตายนอนตายอยู่ในห้องมีบาดแผลถูกมีดฟันหลายแผลและพบมีดสปาต้า ตกอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ดังนี้แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบแต่ข้อเท็จจริงก็รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยใช้มีดสปาต้า ของกลางฟันผู้ตายหลายครั้งโดยทารุณโหดร้ายโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยไม่จำเป็นต้องนำคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 มาประกอบการพิจารณาการที่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จึงเป็นการรับสารภาพโดยจำนวน ต่อพยานหลักฐานไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอันจะเป็นเหตุบรรเทาโทษให้ได้รับการลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยการใช้มีดเผาไฟนาบ ถือเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย แม้ไม่ปรากฏระยะเวลาเผาไฟ
การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว10นิ้วเผาไฟแล้วนาบที่บริเวณแก้มแขนไหล่หลังและโคนขาของโจทก์แม้จะไม่ปรากฏว่ามีดที่เผาไฟนั้นเผาไฟมานานเท่าใดและมีความร้อนเพียงใดแต่จากลักษณะบาดแผลที่โจทก์ได้รับแสดงให้เห็นว่ามีดถูกเผาไฟจนร้อนมากเพราะเมื่อนำไปนาบโจทก์แล้วทำให้เกิดไหม้พองผิวหนังหลุดแพทย์ลงความเห็นว่าหากรักษาตามวิธีการที่ถูกต้องแผลจะหายภายใน10วันแต่จะเป็นรอยแผลเป็นการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายโดยมุ่งประสงค์ให้โจทก์ได้รับความเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าการทำร้ายโดยทั่วไปถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายส่วนแผลเป็นที่ใบหน้าโจทก์จะมีความกว้างยาวขนาดไหนและยืนห่างแค่ไหนจึงจะสามารถมองเห็นได้นั้นเป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเพราะหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวหรือไม่ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาว่าเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5091/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย, มีอาวุธปืน, การลงโทษรวมกระทง, พยานหลักฐานน่าเชื่อถือ
จำเลยที่ใช้เหล็กแป๊บน้ำตี จ. 2 ที จนสลบไปแล้วสั่งให้ ย.นำน้ำมาราดให้ฟื้นขึ้นมาทำงานต่อได้ประมาณ 10 นาที แล้วตีซ้ำอีก และใช้อาวุธปืนยิงอีก 2 นัดจน จ. ตาย และการที่จำเลยใช้เหล็กสแตนเลสข้าง ป.ซึ่งนั่งสัปหงกคัดปลาอยู่เพราะไม่มีเวลาพักผ่อนจนสลบคากองปลา และสั่งให้ ย. ลากมาไว้ท้ายเรือ เมื่อจำเลยบังคับเรือหนีเรือรบของประเทศสหภาพเมียนมาร์ได้ถามย. ว่าฟื้นหรือยังเมื่อยังไม่ฟื้นจึงให้ ย. โยน ป. ลงทะเล เป็นการกระทำที่ประสงค์ให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดและทรมานก่อนตาย เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ต้องกำหนดโทษในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและทารุณโหดร้าย: การให้สารพิษทยอยต่อเนื่องจนผู้ตายทรมาน
จำเลยนำสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยได้คิดวางแผนเตรียมการมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยทยอยให้ผู้ตายเสพรับสารพิษสตริกนิน เข้าสู่ร่างกายเป็นระยะ ๆ สุดแล้วแต่สถานการณ์ และโอกาสจะอำนวย เป็นเหตุให้ผู้ตายต้องป่วยเจ็บได้รับความทุกข์ทรมานตลอดมา จนกระทั่งเมื่อมีเหตุที่สามารถหันเหความสนใจของผู้อื่นไปจากอาการของสารพิษสตริกนิน ได้แล้วก็ได้เพิ่มจำนวนสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนถึงขีดที่ร่างกายไม่สามารถต้านทาน ได้และผู้ตายถึงแก่ความตายในที่สุด ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตายด้วย อันมิใช่เป็นการฆ่าโดยวิธีธรรมดาทั่ว ๆ ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย
(วรรคสุดท้ายวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและทารุณโหดร้าย: การให้สารพิษสตริกนินทยอยๆ จนผู้ตายทรมาน
จำเลยนำสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยได้คิดวางแผนเตรียมการมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยทยอยให้ผู้ตายเสพรับสารพิษสตริกนิน เข้าสู่ร่างกายเป็นระยะ ๆ สุดแล้วแต่สถานการณ์ และโอกาสจะอำนวย เป็นเหตุให้ผู้ตายต้องป่วยเจ็บได้รับความทุกข์ทรมานตลอดมา จนกระทั่งเมื่อมีเหตุที่สามารถหันเหความสนใจของผู้อื่นไปจากอาการของสารพิษสตริกนิน ได้แล้วก็ได้เพิ่มจำนวนสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนถึงขีดที่ร่างกายไม่สามารถต้านทาน ได้และผู้ตายถึงแก่ความตายในที่สุด ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตายด้วย อันมิใช่เป็นการฆ่าโดยวิธีธรรมดาทั่ว ๆ ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย (วรรคสุดท้ายวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2532)
of 5