พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุข่มเหง: การลดโทษอาญาในคดีทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียว ก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันทีจำเลยตามไปห่างเรือน 6 - 7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่า การกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ การใช้กำลังทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายเมาสุราขึ้นไปก่อเหตุบนเรือนของจำเลยและใช้ขวดเหล้าใช้ไม้รุกไล่ตีจำเลย ๆ จึงเอามีดที่ใช้สับเปลือกไม้กินหมากอยู่ในมือแทงตอบไป ย่อมฟังได้ว่าจำเลยทำากรป้องกันตาม ก.ม.แต่ปรากฎว่าไม้ที่ผู้ตายใช้ตีเป็นเพียงไม้ไผ่ ถึงตีถูกก็ปรากฎว่าเพียงแต่ทำให้ฟกช้ำเท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดมีคมปลายแหลมยาคืบเศษแทงผู้ตายตรงหน้าอกโดยแรง มีดเข้าเนื้อทะลุในและแทงปักเข้าที่ซอกคออีกทีหนึ่ง จนลึกทลุในเป็นผลให้ผู้ตายล้มลงขาดใจตายโดยทันทีหรือเกือบจะทันทีเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุต้องมีโทษตามมาตรา 249, 53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2563 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่ากรณีที่สมควร การใช้กำลังทำร้ายถึงแก่ชีวิต และความผิดฐานพาอาวุธ
การที่จำเลยหยิบมีดปอกผลไม้ปลายแหลมมาจากห้องครัวภายในร้านที่เกิดเหตุและใช้แทงผู้ตายบริเวณด้านหน้าร้านภายในบริเวณร้านที่เกิดเหตุ ยังมิได้ออกไปนอกร้านสู่ทางสาธารณะ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร