พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการขุดทรายจากที่ดินผู้อื่นเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ส.ตกลงให้จำเลยเป็นนายหน้าขายที่ดินของส.และที่ดินของโจทก์ร่วมโดยสัญญานายหน้ามีข้อตกลงว่า จำเลย จะต้องนำดินลูกรังมาถมในที่ดินดังกล่าวให้สูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้ขายได้ราคาสูงขึ้น การที่จำเลย สั่งให้ ค. ขุดทรายแก้วในที่ดินของโจทก์ร่วมโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของตน และทำสัญญาขุดทรายกับ ค. โดยระบุว่าจำเลยได้รับมอบอำนาจมาจาก ว. และ ป. มิได้ระบุว่ารับมอบอำนาจมาจากโจทก์ร่วม เมื่อ ว. มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว คงมีเพียง ป. เท่านั้นที่มีชื่อเป็นเจ้าของรวมในที่ดิน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาปกปิด ข้อเท็จจริงไม่ให้ ค. ทราบว่าที่ดินเป็นของโจทก์ร่วมปรากฏว่าจำเลยขายทรายแก้วที่ขุดได้ให้แก่ ค. ในราคาถึง87,000 บาท โดยมิได้นำเงินนั้นมอบแก่โจทก์ร่วม นับว่าเป็นการ กระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองแล้ว การกระทำของจำเลยมีเจตนาทุจริต มิใช่การกระทำตามสัญญาโดยอาศัยสิทธิอันชอบธรรม เพื่อ ผลประโยชน์ของคู่สัญญาอันเป็นเรื่องทางแพ่ง แต่เป็น ความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4801/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่สาธารณะ แม้มีทางอื่นแต่ต้องผ่านที่ดินผู้อื่น
ที่ดินของโจทก์ซึ่งแบ่งแยกมาจากที่ดินของ บ. มารดาจำเลยที่ถึงแก่กรรมไปแล้วมีที่ดินของผู้อื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ แม้โจทก์สามารถเข้าออกผ่านที่ดินของ ช แต่ก็เป็นเรื่องของความยินยอม มิใช่สิทธิตามกฎหมาย ต้องถือว่าที่ดินของโจทก์ไม่มีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางในที่ดิน บ. เป็นทางเข้าออก และไม่ถือว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4607/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเกิดขึ้นบนที่ดินของผู้อื่น มิใช่ที่ดินของตนเอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปก่อสร้างรั้วกำแพงคอนกรีต สิ่งปลูกสร้างและปลูกต้นไม้ในที่ดินโจทก์ ขอให้รื้อถอนออกไป จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยกระทำลงบนที่ดินของจำเลยที่ซื้อมา หลังจากซื้อมาแล้วจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปีแล้วดังนั้น รูปคดีตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การไม่มีประเด็นเรื่องการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 เพราะการครอบครองปรปักษ์จะมีได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2540)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2540)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2313/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำที่ดินผู้อื่นโดยไม่สุจริต
จำเลยสร้างบ้านจนถึงขั้นทำคานชั้นบนเสร็จแล้วจึงทราบว่าบ้านได้ก่อสร้างอยู่ในที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยยังขืนสร้างต่อไปจนเสร็จ ถือได้ว่าจำเลยได้ก่อสร้างบ้านในที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริตตาม ป.พ.พ.มาตรา 1311
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินผู้อื่นโดยไม่สุจริต: โรงเรือนยังเป็นของผู้ปลูกสร้าง
โจทก์ปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินที่จำเลยเพียงแต่อนุญาตให้โจทก์อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว จึงมิใช่กรณีสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตอันเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนและต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะการสร้างโรงเรือนนั้น แต่เป็นกรณีที่โรงเรือนนั้นไม่ตกเป็นส่วนควบกับที่ดินของจำเลยโดยยังเป็นของโจทก์อยู่ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินผู้อื่น: สุจริตไม่ได้ช่วยหากไม่รู้ว่าที่ดินเป็นของผู้อื่น ต้องรื้อถอน
สุจริตตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 หมายความว่าไม่รู้ว่าที่ดินที่ปลูกสร้างโรงเรือนนั้นเป็นของผู้อื่น มิใช่เพราะเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ปลูก ปลูกตึกรากฐานรุกล้ำ ต้องรื้อถอนเสา ผนังตึก กันสาดและบาทวิถีที่รุกล้ำ และทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบนที่ดินผู้อื่นโดยได้รับอนุญาต สิทธิในการอยู่อาศัยเมื่อเจ้าของที่ดินเปลี่ยนมือ
การที่จำเลยปลูกสร้างเรือนลงในที่พิพาทโดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นที่ดินของผู้อื่นและเจ้าของที่ดินผู้นั้นได้อนุญาต ให้จำเลยอาศัย เช่นนี้กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ต่อมาเมื่อเจ้าของที่ดินเดิมโอนขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่อาศัยต่อไป จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาท โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ (อ้างฎีกาที่ 921/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่นโดยได้รับอนุญาต และสิทธิในการครอบครองเมื่อเจ้าของที่ดินเปลี่ยนมือ
การที่จำเลยปลูกสร้างเรือนลงในที่พิพาทโดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เป็นที่ดินของผู้อื่นและเจ้าของที่ดินผู้นั้นได้อนุญาตให้จำเลยอาศัย เช่นนี้กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ต่อมาเมื่อเจ้าของที่ดินเดิมโอนขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์เป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่อาศัยต่อไป จำเลย ย่อมไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาท โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ (อ้างฎีกาที่ 921/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนโรงเรือนบนที่ดินผู้อื่นโดยความยินยอม ไม่ถือเป็นส่วนควบ
ผู้ร้องปลูกเรือนพิพาทในที่ดินของมารดาโดยได้รับความยินยอมของมารดาให้ปลูก เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนซึ่งผู้ร้องมีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธินั้นปลูกทำลงไว้ จึงไม่กลายเป็นส่วนควบ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนปลูกในที่ดินผู้อื่น: ไม่เป็นส่วนควบ เจ้าหนี้ยึดบังคับคดีได้
เรือนปลูกในที่ดินของผู้อื่น โดยเจ้าของที่ดินยินยอมให้ปลูกอยู่อาศัย ไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน ผู้ซื้อที่ดินไม่เป็นเจ้าของเรือน เจ้าหนี้ของเจ้าของเรือนยึดเรือนบังคับคดีได้