คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่อยู่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดต้องแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ ณ ภูมิลำเนาที่ถูกต้อง การปิดประกาศที่ภูมิลำเนาเดิมหลังย้ายที่อยู่แล้วไม่ชอบ
ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 แต่ละครั้งนั้นจำเลยที่ 3 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ดำเนินการขายทอดตลาดต้องแจ้งประกาศการขายให้จำเลยที่ 3 ทราบ เพื่อจำเลยที่ 3 จะได้มีโอกาสมาดูแลการขายรักษาผลประโยชน์ของตน ปรากฏว่ามีการประกาศขายทรัพย์ของจำเลยที่ 3 รวม 9 ครั้ง ทุกครั้งส่งประกาศให้จำเลยที่ 3 ที่บ้านเลขที่ 17/2 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่ 3 หลังจากที่บ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้วจำเลยที่ 3 ย้ายที่อยู่ แม้จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ต้องแจ้งการย้ายที่อยู่และที่อยู่ใหม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 67 (3) หากฝ่าฝืนมีโทษทางอาญาก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจะทำให้จำเลยที่ 3 ยังคงมีภูมิลำเนาตามเดิมตลอดไป ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ต้องเป็นไปตามหลักใน ป.พ.พ. ว่าด้วยภูมิลำเนา เมื่อการส่งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์กระทำเมื่อจำเลยที่ 3 ย้ายถิ่นที่อยู่ไปแล้ว และจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นคนรับประกาศ และไม่ปรากฏว่าหลักจากการย้ายทะเบียนบ้านแล้วจำเลยที่ 3 ยึดถือบ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในเรื่องใด ดังนั้นขณะที่ปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อให้จำเลยที่ 3 ทราบ ณ บ้านเลขที่ 17/2 นั้น จำเลยที่ 3 ไม่มีภูมิลำเนา ณ บ้านดังกล่าวแล้ว จึงเป็นการปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 79 ประกอบกับ พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 153 (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4389/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบกำกับภาษีซื้อที่อยู่ไม่ตรงจดทะเบียน & คำสั่งทางปกครองต้องมีเหตุผล
ใบกำกับภาษีซื้อซึ่งมีข้อความครบถ้วนตาม ป.รัษฎากร มาตรา 86/4 ระบุที่อยู่ของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าตามที่อยู่ซึ่งเป็นสถานประกอบการจริง แม้ไม่ตรงกับที่ที่โจทก์จดทะเบียนนิติบุคคลและที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ไม่ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีซื้อที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันจะต้องห้ามไม่ให้นำมาหักจากภาษีขายตามมาตรา 82/5 (2)
หนังสือแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นคำสั่งทางปกครอง เมื่อทำเป็นหนังสือต้องทำให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37 คือต้องให้เหตุผลไว้ด้วยทั้งเหตุผลในข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ เหตุผลในข้อกฎหมายที่อ้างอิงและเหตุผลในข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ แม้การแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 20 และ 34 มิได้ระบุว่าต้องให้เหตุผล แต่บทบัญญัติดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป็นธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการต่ำกว่าหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37 จึงต้องใช้หลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แทน คือต้องให้มีเหตุผลไว้ด้วย เมื่อหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล หนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ได้ให้เหตุผลไว้ จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาเฉพาะการ: ศาลยึดที่อยู่ตามที่ผู้ร้องแจ้งในคดี แม้มีการย้ายถิ่นฐาน
ผู้ร้องยืนยันในคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดว่าผู้ร้องอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และไม่เคยแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่ไปที่อื่นให้ศาลชั้นต้นทราบเลย แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาถือเอาที่อยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการดำเนินคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42 แม้ในขณะปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นแล้ว ก็ต้องถือว่าผู้ร้องยังมีภูมิลำเนาเฉพาะการอยู่ที่กรุงเทพมหานครและได้ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังผู้ร้องได้ กรณีไม่มีเหตุให้ต้องเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7702/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง
ภูมิลำเนาจำเลยที่ระบุในฟ้อง เป็นภูมิลำเนาอันแท้จริงของจำเลยและจำเลยยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านดังกล่าวกับบ้านมารดาจำเลย แสดงว่าบ้านตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาตามกฎหมายแห่งหนึ่งของจำเลย ทั้งเป็นภูมิลำเนาโดยชอบตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 อีกด้วย การที่เจ้าพนักงานปิดหมายเรียกและสำเนาฟ้องที่บ้านตามฟ้อง จึงเป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องถูกต้อง ณภูมิลำเนาของจำเลยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5834/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและแจ้งการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยไม่ได้พักอาศัยที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยบรรยายไว้ในคำฟ้องว่าจำเลย อยู่บ้านเลขที่ 281 เมื่อเจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยที่บ้านเลขที่ดังกล่าวแต่ไม่พบจำเลย พบเพียงหญิงอายุประมาณ 40 ปี แจ้งว่าไม่เคยมีชื่อจำเลยอยู่ในบ้านดังกล่าว และไม่ยอมรับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไว้แทน โจทก์จึงต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง เกี่ยวกับภูมิลำเนาของจำเลยเป็นบ้านเลขที่ 482/2 ซึ่งการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในครั้งหลังนี้ จำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องและได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แสดงว่าจำเลยถือเอาบ้านเลขที่ 482/2 เป็นภูมิลำเนา ของจำเลยอีกแห่งหนึ่ง ฉะนั้น การปิดหมายแจ้งวันนัด การขายทอดตลาดให้จำเลยทราบที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 และถือว่าจำเลยทราบวันนัดขายทอดตลาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8043/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับที่อยู่และการบังคับคดี: โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหากไม่เสียหายโดยตรง
โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้านพิพาทคือบ้านเลขที่ 117 จากต.มารดาของสามีจำเลยต่อมาโจทก์ฟ้องขับไล่ต. ออกจากบ้านและที่ดิน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้ขับไล่ต.แต่ต. ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ดำเนินการบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ต.ย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 117/2 ที่จำเลย เป็นผู้ไปแจ้งขอเปลี่ยนหมายเลขประจำบ้านต่อผู้ใหญ่บ้านท้องที่จนได้รับหมายเลขประจำบ้านใหม่ดังกล่าว เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำรายงานเสนอศาลขอให้เพิกถอนหมายจับต.โดยอ้างว่าต. ได้ออกจากบ้านพิพาทแล้ว ความจริงบ้านเลขที่ 117/2 ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 117ที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่ ต. แต่จำเลยอ้างว่าเป็นบ้านที่จำเลยปลูกและขอหมายเลขประจำบ้านใหม่ ดังนี้หากบ้านเลขที่ 117/2 เป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่โจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ก็สามารถบังคับคดีได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ เพียงแต่ทำให้โจทก์ต้องโต้แย้งข้อเท็จจริงกับจำเลยเท่านั้น โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง ความเสียหายอันเกิดจากการกระทำของจำเลย ตามที่โจทก์ฟ้อง หากมีก็เกิดแก่เจ้าพนักงานผู้รับแจ้งโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานแจ้งความเท็จและฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 267เป็นคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาที่แท้จริง การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย และผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ
ป.พ.พ. มาตรา 38ป.วิ.พ. มาตรา 76, 183, 197
จำเลยยังไม่ได้ขายกิจการร้านข้าวต้มที่บ้านเลขที่ 39 - 41ถนนสุระสงคราม ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี แก่บุคคลใด แต่ยังเป็นกิจการของจำเลยอยู่ และในการขอเปิดบัญชีเดินสะพัดต่อธนาคาร จำเลยก็ระบุบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่ของจำเลย แม้จำเลยจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 24/2หมู่ที่ 2 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี อีกแห่งหนึ่ง ก็ถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป หรือมีหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่ง จึงถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 38 การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่บ้านเลขที่ 39 - 41ซึ่งเป็นร้านข้าวต้มดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยยังภูมิลำเนาของจำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดจึงถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ที่จำเลยฎีกาว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาทเกิดจากการเล่นการพนันจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้มีชื่อซึ่งรับเช็คพิพาทจากจำเลยได้เสียการพนันสลากกินรวบแก่จำเลยเป็นเงิน 120,000 บาท หนี้ตามเช็คพิพาทจึงเหลือเพียง 80,000 บาทแต่ผู้มีชื่อไม่ยอมนำเช็คพิพาทมาแลกเช็คใหม่กับจำเลยและกลับโอนเช็คพิพาทแก่โจทก์อันเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยนั้น เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ก็ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้อง: ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาโจทก์จากพฤติการณ์และข้อผิดพลาดเรื่องที่อยู่จำเลย
แม้ทนายโจทก์ละเลยไม่ติดตามรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในคำร้องของโจกท์ให้โจทก์คัดรับรองทะเบียนบ้านจำเลยเสนอศาลก่อนก็ตามแต่ฟ้องของโจทก์ได้ระบุที่อยู่ของจำเลยผิดไปเฉพาะเขตคือระบุว่า"เขตบางเขน"เท่านั้นทั้งๆที่สำเนาทะเบียนบ้านจำเลยท้ายฟ้องก็ระบุว่า"เขตดอนเมือง"ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นคำแถลงขอปิดหมายณภูมิลำเนาของจำเลยตามสำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุภูมิลำเนาของจำเลยที่ระบุเป็น"เขตดอนเมือง"ในท้ายคำแถลงนั้นด้วยพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าโจทก์คงเข้าใจว่าเมื่อสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยระบุภูมิลำเนาของจำเลยถูกต้องตามคำแถลงแล้วศาลคงสั่งให้ปิดหมายณภูมิลำเนาของจำเลยดังกล่าวนั้นทนายโจทก์จึงเข้าใจสับสนในคำสั่งของศาลที่ให้คัดรับรองทะเบียนบ้านจำเลยเสนอต่อศาลอีกครั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงยังไม่พอรับฟังได้ว่าโจทก์จงใจทิ้งฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5912/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาของผู้ตายและสิทธิการเป็นผู้จัดการมรดก: การพิจารณาจากที่อยู่จริงและทรัพย์สิน
แม้ผู้ตายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่จังหวัดพิจิตรและผู้ตายถึงแก่ความตายที่จังหวัดพิจิตรแต่ผู้ตายก็ได้อยู่กินเป็นสามีภริยากับผู้ร้องจนมีบุตรด้วยกันถึง4คนที่จังหวัดสมุทรปราการรวมทั้งผู้ตายได้ซื้อที่ดินไว้ที่จังหวัดสมุทรปราการแสดงว่าผู้ตายมีบ้านที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นสถานที่อยู่อันเป็นแหล่งสำคัญอีกแห่งหนึ่งด้วยบ้านที่จังหวัดสมุทรปราการจึงเป็นภูมิลำเนาของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา37ดังนั้นผู้ร้องจึงมีสิทธิเสนอคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4จัตวา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งย้ายทะเบียนบ้านโดยไม่มีเจตนาอยู่อาศัยจริง ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนภูมิลำเนา
ตามหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 64/1 หมู่ที่ 3 แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีจำเลยและบุตรอีก 2 คน พักอาศัยอยู่ด้วย แต่จำเลยแจ้งย้ายออกเพียง 2 คน โดยแจ้งว่าย้ายเข้าบ้านเลขที่ 30หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แต่มิได้ย้ายบุตรทั้งสองไปด้วยและแทนที่จะย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน กลับย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน คนละแห่งกันกับที่แจ้งย้ายเข้า และเพียงเดือนเศษก็แจ้งย้ายออกไปเข้าที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าพัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี แต่ก็มิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใด แสดงว่าการที่จำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านจากภูมิลำเนาเดิมที่กรุงเทพมหานครไปยังที่ต่าง ๆ ดังกล่าวก็เพียงเพื่อมิให้โจทก์ติดตามสืบหาที่อยู่ได้เท่านั้น โดยจำเลยไม่ได้เข้าพักอาศัยไม่ได้ย้ายบุตรไปด้วย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใด ดังนั้น แม้จำเลยได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเข้าบ้านเลขที่ตามฟ้องซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นก็จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้ายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ศาลจังหวัดลำพูนจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีของโจทก์ไว้พิจารณาตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150
of 5